ยังวิกฤต! น้ำท่วม 'นราธิวาส' ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 9 หมื่นครัวเรือน-ดับ 2 ราย

สถานการณ์น้ำท่วม จ.นราธิวาส หลังจากฝนทิ้งช่วงมา 2 วัน ทำให้วันนี้ระดับน้ำลดลงบ้างเเล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะชุมชนลุ่มต่ำติดเเม่น้ำ มีสภาพกลายเป็นเกาะ ระบบไฟฟ้าถูกตัด ถนนสายหลักมีน้ำท่วมขัง การขนส่งเสบียงต้องใช้เรือเป็นหลัก

โดยในภาพรวมของจังหวัดนราธิวาส วันนี้ฟ้าครึ้มปกคลุมทั้ง 13 อำเภอ เเต่ไม่มีฝนตกลงมา ทำให้ปริมาณน้ำท่วมขังมีเเนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย เริ่มไหลระบายลงทะเลปากอ่าวด้านอำเภอตากใบ และอำเภอเมืองนราธิวาส



แต่ที่ยังมีน้ำล้นตลิ่งอยู่ก็คือแม่น้ำสุไหงโกลก ซึ่งเป็น 1 ในแม่น้ำสายหลัก จากการสำรวจวันนี้พบว่า มวลน้ำป่าจากพื้นที่ อ.สุคิรินและอ.แว้ง ไหลระบายลงมาสมทบในแม่น้ำโก-ลก ซึ่งมวลน้ำก้อนนี้กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.สุไหงโกลก กับ อ.ตากใบ


ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ทางเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานมูโนะ พบรอยรั่วซึมของผนังกันน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนบ้านมูโนะ

นายสมพร ประไพ หัวหน้าโครงการ จึงเร่งระดมเจ้าหน้าที่พร้อมรถแบกโฮ ขนย้ายบิ๊กแบ็คกว่า 30 ก้อนไปวางเสริมที่ฐานผนังกันน้ำเดิมที่มีรอยรั่ว เสริมให้สูงขึ้นเท่าระดับเดิม ป้องกันไม่ให้มวลน้ำจากแม่น้ำโก-ลก ไหลทะลักเข้าท่วมตลาดมูโนะเป็นละลอกที่ 3

จังหวัดนราธิวาส สรุปผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมครั้งนี้ มีจำนวน 13 อำเภอ 77 ตำบล 591 หมู่บ้าน รวม 98,051 ครัวเรือน มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เเละเสียชีวิต 2 ราย คือ 1.เด็กหญิงซาฟีรา อายุ 12 ปี กับนายริน แดงนำ อายุ 82 ปี

ส่วนความเสียหาย มีบ้านถูกกระเเสน้ำพัดเสียหายทั้งหลัง จำนวน 2 หลัง เสียหายบางส่วน 17 หลัง มัสยิดถูกน้ำท่วมขัง 60 แห่ง วัดถูกน้ำท่วม 35 แห่ง โรงเรียน 250 แห่ง สถานที่ราชการน้ำท่วมขัง 18 แห่ง ส่วนพื้นที่การเกษตรน้ำท่วมขัง 4,843 ไร่

หากฝนไม่ตกลงมาอย่างซ้ำหนัก คาดว่า พื้นที่น้ำท่วมขังจะลดลงต่อเนื่อง ในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ที่จะกระทบก็คือประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งของแม่น้ำสายหลัก 3 สาย ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ กว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ