สังคม

DSI ยันเร่งทำสำนวนแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ 18 บอสดิไอคอน ป.ป.ง.เผยยึดทรัพย์แล้วกว่า 320 ล้าน

โดย panwilai_c

7 พ.ย. 2567

52 views

ความคืบหน้าคดีดิไอคอน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันจะเร่งทำสำนวนคดีดิไอคอน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่กับ 18 ผู้ต้องหากลุ่มแรก ของบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป ยืนยันจะพิจารณาให้ครบถ้วนในทุกประเด็น ด้าน ป.ป.ง.เปิดเผย ผลการยึดทรัพย์ล่าสุด รวมมูลค่ากว่า 320 ล้านบาท



พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 18 คน โดยพนักงานสอบสวนกำลังทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะทำเสร็จทันเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำในวันพรุ่งนี้หรือไม่ ซึ่งหากพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วเสร็จวันนี้ และนัดหมาย ทนายความได้ทัน ก็จะเข้าไปพรุ่งนี้ หากไม่ทันก็เป็นภายในสัปดาห์หน้า สำหรับผู้ต้องหากลุ่มต่อไปนั้น ตอนนี้ยังมีเวลาที่จะสืบสวนสอบสวน ดังนั้น จึงต้องมุ่งเน้นการทำสำนวนของผู้ต้องหากลุ่มแรกก่อน เพื่อที่จะส่งสำนวนต่ออัยการให้ทัน ภายในระยะเวลาฝากขัง 84 วัน



ส่วนกรณีที่ทนายความของฝ่ายดิไอคอน จะนำพยานมาให้สอบปากคำกว่า 2,000 คน นั้น พันตำรวจตรียุทธนา ระบุว่า ให้ทนายความทำบัญชีระบุพยานมาว่า ใครเกี่ยวข้องอย่างไร เป็นประเด็นเดียวกันหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณา หากรับฟังพยานแล้วได้ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ก็จะสอบเท่าที่จำเป็น เพราะมีระยะเวลาจำกัด ซึ่งพนักงานสอบสวนก็มีแนวทางในการวินิจฉัย ถ้าต้องสอบปากคำทั้งหมด ก็จะมีการยื่นพยานมาเรื่อยๆ อาจเกิดความเสียหายต่อคดีได้



ด้านนายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ตอนนี้ทยอยออกคำสั่งในการยึดทรัพย์ไปแล้วประมาณ 320 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบัญชีที่เก็บเงินจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีเงินฝากที่มีคำสั่งโอนชัดเจน ซึ่งการตรวจยึดทรัพย์สินในคดีเป็นอำนาจของดีเอสไอในการอายัดเบื้องต้น ก่อนส่งมอบให้ ป.ป.ง. ส่วนการอายัดทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือทรัพย์สินของบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ต้องหานั้น มีความจำเป็นต้องรอสำนวนสอบสวนคดีอาญาเพื่อประกอบการพิจารณา



คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมีความชัดเจน ซึ่งก็จะทำให้เร็ว แต่ถ้าตรวจพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใคร ก็สามารถตามตรวจยึดได้หมด โดยไม่ต้องรอบุคคลนั้นถูกดำเนินคดี ส่วนผู้ครอบครองก็ต้องดูเจตนาว่ารับโดยรู้เห็นหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการตรวจยึดทรัพย์สิน ทั้งของผู้ต้องหาเอง และของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่มีเส้นทางการเงินชัดเจน สำหรับเงินที่พบว่าผู้ต้องหาโอนไปทำบุญ จะสามารถยึดอายัดได้หรือไม่นั้น กรณีนี้วัดที่รับทำบุญ สามารถต่อสู้ได้ว่า รับโดยสุจริตตามศีลธรรมจรรยา ไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ซึ่งต้องดูประกอบด้วยว่า ปกติแล้ววัดเคยรับเงินทำบุญจำนวนเท่านี้ไหม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก่อน หรือเงินที่ได้รับจากการทำบุญแล้วมีการถ่ายเทออกไปเลยหรือไม่



ทางด้านพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าคดีการสอบคลิปเสียงบุคคลเรียกรับเงินจากบอสดิไอคอนกรุ๊ป ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมอีกครั้งและคาดว่าสัปดาห์หน้าทุกอย่างจะชัดเจน ยืนยันว่าหลักฐานบางอย่างพร้อมแล้ว การสอบสวนมีประโยชน์ต่อรูปคดี

คุณอาจสนใจ

Related News