สังคม

แก๊งเรียกค่าไถ่อาละวาด ตร.บุกช่วย 2 เคส ชาวจีนถูกอุ้มรีดทรัพย์ รวมเสียหายกว่า 10 ล้าน

โดย panwilai_c

22 ต.ค. 2567

73 views

เกิดเหตุคนร้ายอุ้มชาวจีนไปเรียกค่าไถ่ถึงสองคดีติดต่อกัน โดยคดีแรกชายฉกรรจ์ห้าคน อุ้มชาวจีนไปเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 12,000,000 บาท ตำรวจจับผู้ก่อเหตุได้ที่สนามบิน พบเป็นอดีตภรรยาและสามีใหม่ชาวจีนร่วมกันอุ้มอดีตสามีไปเรียกค่าไถ่ ขณะที่อีกเคสเป็นคนร้ายชาวจีนวางแผนหลอกนักศึกษาชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยไปเรียกค่าไถ่ที่ชายแดน ตรงข้ามเมืองเบียววดี 1.5 ล้านบาท โดยตำรวจประสานช่วยเหลือได้ทัน



นักศึกษาจีน 3 คนเป็นชาย 2 คนอายุ 20 ปี เป็นหญิง 1 คนอายุ 18 ปี ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย หลังจากเข้ามาสมัครเรียนในสถาบันแห่งหนึ่งย่านธนบุรี แต่ระหว่างรอเปิดภาคเรียน ต้องการหางานทำ โดยได้รับการติดต่อให้ไปทำงานส่งสินค้า ที่อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้ง 3 คน เดินทาง ออก จาก มหาวิทยาลัยไปยังสนามบินดอนเมือง ในวันเดียวกันได้รับแจ้งจากเพื่อนของนักศึกษา ว่าได้เดินทางถึงสนามบินแม่สอดแล้ว



ต่อมา ผู้เสียหายทั้ง 3 คนได้เดินทางเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก เพื่อรอทำงานส่งของ



ต่อมาเวลา 17:00 น. ได้มีรถกระบะมารับผู้เสียหายทั้ง 3 คนเดินทางไปยังบริเวณช่องแคบ ตรงข้าม อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เวลา 21:00 น. กลุ่มเพื่อนผู้เสียหายได้รับข้อความขอความช่วยเหลือ ให้แจ้งจารย์และตำรวจ ชุดปฏิบัติการจึงได้ประสานงานไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้อง และได้รับข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ว่า พบผู้เสียหายทั้ง 3 คนแล้ว อยู่บริเวณป่าใน ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก



จึงได้นำผู้เสียหายทั้งหมดมาส่งตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก จากการสอบปากคำนักศึกษาให้การว่า ก่อนหน้านี้ทั้ง 3 คนได้มีการหางานทำระหว่างรอเปิดภาคเรียน จึงมีเพื่อนที่อยู่ประเทศจีนให้ข้อมูลมาว่ามีงานรับจ้างส่งสินค้าจากจังหวัดตากมาส่งที่กรุงเทพมหานคร ได้ค่าจ้าง 100,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็หลงเชื่อโดยที่ยังไม่รู้ว่าของที่ว่าจ้างให้ไปส่งคืออะไร ก่อนจะมีการติดต่อผ่านกันทางแอปพลิเคชัน WECHAT และถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ที่บริเวณออฟฟิศแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา



ผู้เสียหายให้การเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่อยู่สถานที่เมียนมา มีชายฉกรรจ์ประมาณ 6-7 คน ซึ่งมีชายประมาณ 3 คน ใช้อาวุธปืนข่มขู่จะทำร้ายโดยให้ทั้ง 3 คนติดต่อหาผู้ปกครองให้โอนเงินมาคนละ 1,500,000 บาท เพื่อเป็นการไถ่ตัว ถ้าหากไม่โอนมาจะถูกส่งไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทีเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 3 คนพยายามต่อรอง มารดาของ นักศึกษาหญิง ได้โอนเงินมา 100,000 หยวน หรือ 470,000 บาท ส่วนผู้เสียหายอีกสองคนยังไม่ทันที่จะโอนเงิน กลุ่มคนร้ายก็ปล่อยตัวออกมา จนตำรวจไปพบตัว พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีการร่วมมือกันทำเป็นขบวนการ และเชื่อว่ามีคนไทยร่วมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี หากครอบครัวผู้เสียหายไม่จ่ายเงิน อาจจะถูกบังคับไปใช้แรงงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ KK Park เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์



ขณะที่อีกคดี ชาวจีนได้เรียกค่าไถ่ 12 ล้านบาท จับผู้ต้องหาได้แล้วสองคนคือนายหลิวบู และนส.หยางเจิน ซึ่งเป็นอดีตภรรยาและสามีใหม่ ระหว่างควบคุมตัวไปฝากขังอดีตภรรยาเห็นสื่อมวลชนเกิดอาการโวยวายขึ้น



คดีนี้ อดีตภรรยาซึ่งอยู่มา 7 ปี เพิ่งหย่ากับสามีชาวจีนนับบอกว่าคับแค้นใจที่ถูกอดีตสามีทำร้ายจึงไปเล่าให้สามีใหม่ฟังสามีใหม่ และได้ร่วมวางแผน โดยให้นายตงชาวจีนอีกคนที่หลบหนีไปฝั่งกัมพูชาแล้วติดต่อชาวเมียนมาอีกสามคน มาร่วมอุ้มไปเรียกค่าไถ่



โดยอดีตภรรยาทำทีโทรศัพท์ อ้างว่าจะมีคนมาขอแลกเงินให้เตรียมเงินสดไว้ 3,200,000 ล้านบาทหลังจากนั้น 15 นาที นายหลิวบู สามีใหม่และชายฉกรรจ์รวมห้าคนบุกมาที่ อาคารพานิชย์สูงห้าชั้นในซอย 24 ถามหานายไมเคิลเพื่อทวงหนี้ แต่นายไมเคิล เดินทางไปอยู่ ที่เวียดนาม ชายฉกรรจ์ได้ค้นหาเงินสดได้ 3,200,000 บาท



และพาผู้เสียหายชาวจีน 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ไปยังจังหวัดนครนายก แต่รถเกิดอุบัติเหตุชนกันเองตรงบางเขน ทั้งหมดนั่งรถไปด้วยกัน เมื่อไปถึงที่เปลี่ยว ในป่า ได้กักตัวทั้งคืนยันเช้าจนเย็น



โดยให้ให้ติดต่อหานายไมเคิล โอนเงินให้ 600,000 USDT ถ้าไม่อยากเสียชีวิต จึงยืมเงินเพื่อนมาได้ 270,000 ยูเอสดีทีหรือประมาณกว่าแปดล้านบาท หลังนำผู้เสียหายมาทิ้งแล้วเดินทางไปกัมพูชาแต่ถูกรวบได้ที่สนามบิน



จากการสืบสวน พบผู้ต้องหามักเดินทางระหว่างไทย ไปกัมพูชา ขณะที่ผู้เสียหายชาวจีนอยู่ไทยมาเจ็ดปีมีพาสปอร์ตสองสัญชาติทั้งจีนและ ประเทศ แถบแอฟริกัน



ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศผู้ต้องหาพยายามติดต่อแลกเงินจากUSDTเป็นเงินสดที่ร้านแลกเงินย่านห้วยขวาง แต่ร้านแลกเงินให้เดินทางมาแลกที่ร้านด้วยตัวเอง



โดยตำรวจยึดเงินเรียกค่าไถ่คืนได้บางส่วน สวนอีก 270000 แสน USDT ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ผู้ต้องหาโอนไปเส้นทางใด

คุณอาจสนใจ

Related News