สังคม

สทนช.เตือนเฝ้าระวัง อิทธิพลพายุจากฟิลิปปินส์ ทำฝนตกเพิ่ม 30 ก.ย.-1 ต.ค.นี้

โดย panwilai_c

25 ก.ย. 2567

78 views

การประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวันนี้ ได้มีการคาดการณ์และเฝ้าระวังฝน ที่จะตกลงมาเพิ่มอีก ในช่วงวันที่ 30 ก.ย. – 1 ต.ค.นี้



นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือ (สทนช.) เปิดเผยหลังการประชุมวันนี้ ว่า ในช่วงที่ผ่านมาจากอิทธิพลของพายุ "ซูริค" ประกอบกับเกิดร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและกระจายทั่วในหลายพื้นที่ เกิดสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ 22 จังหวัด



โดยหลายพื้นที่รัฐบาลได้เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูกลับสู่สถานการณ์ปกติแล้ว และยังมีพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่อีก 14 จังหวัด 22,275 ครัวเรือน อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ซึ่ง สทนช. ได้มีการจัดทำข้อมูลสถานการณ์น้ำในพื้นที่และการคาดการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำต่างๆ เป็นรายวัน รายงานต่อศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เพื่อใช้บริหารจัดการสถานการณ์ในภาพรวมต่อไป



รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า ในการประชุมวันนี้ได้มีการคาดการณ์และเฝ้าระวังฝนที่จะตกลงมาเพิ่มอีก เนื่องจากพบการก่อตัวของพายุในบริเวณหมู่เกาะฟิลิปปินส์คาดว่าจะเคลื่อนตัวไปยังเกาะไต้หวัน ถึงแม้ว่าพายุจะไม่เข้าประเทศไทยโดยตรง แต่อาจส่งผลให้ในช่วงวันที่ 30 ก.ย. – 1 ต.ค.นี้เกิดฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก



ทางด้าน กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์ น้ำลุ่มเจ้าพระยา ที่สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,766 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเพิ่มขึ้น จากเมื่อวาน 78 ซม. แต่ยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 3.50 ม.



ขณะที่ สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,333 ลบ.ม/วินาที แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อน ต่ำกว่าตลิ่ง 4.12 เมตร ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรองรับน้ำเหนือ ที่ขณะนี้ระดับปริมาณน้ำในแม่น้ำต่างๆ ทั้ง ปิง วัง ยมและน่าน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกครั้ง และอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย



รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ได้แก่ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา , ต.ลาดชิด , ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ. พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบน้ำเพิ่มสูงขึ้น

คุณอาจสนใจ