สังคม

กลุ่มชาวโมร็อกโก ร้องรบ.ไทยช่วยเหลือ หลังถูกหลอกทำงานแก๊งคอลฯ ในเมียนมา

โดย panwilai_c

29 มิ.ย. 2567

167 views

ชาวโมร็อกโก 21 ราย ตกเหยื่อการค้ามนุษย์ในเมียนมา ร้องขอความช่วยเหลือด่วนจากรัฐบาลไทย นำตัวออกมาจากแหล่งอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งถูกบังคับให้ทำงาน ทำร้ายร่างกาย และเรียกค่าไถ่



สถานเอกอัครราชทูตโมร็อกโกได้ทำหนังสือถึงสถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย และกระทรวงการต่างประเทศของไทย ตั้งแต่วันที่ 17 พฤกภาคม เนื่องจากเหยื่อให้การว่าถูกหลอกลวงให้เดินทางมายังประเทศไทย ข้ามแดนไปเมียนมา ผ่านมากว่า 1 เดือนยังไม่คืบหน้า ล่าสุดมูลนิธิเพื่ออิสรภาพทำหนังสือไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีด้วย



มีภาพร่องรอยบาดเจ็บของเหยื่อชาวโมร็อกโก ที่ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิเพื่ออิสรภาพ ว่าถูกบังคับให้ทำงาน และถูกขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติจีนร่วมกับชาวโมร็อกโก หลอกลวงมาทำงาน



โดยเมื่อเดินทางมาถึง พบว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ถูกบังคับ กักขัง ทำร้ายร่างกาย และเรียกค่าเสียหาย 6,000-7,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน หรือ ประมาณ 250,000 บาท และข่มขู่ว่าหากไม่สามารถนำเงินมาจ่ายได้ จะถูกส่งไปขายยังพิกัดอื่นๆ ซึ่งเหยื่อ 5 คน ได้พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือครอบครัวให้ส่งเงินค่าไถ่ แต่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งเหยื่อทั้งหมดถูกขังอยู่ในพื้นที่บ้าน Hpa Lu ประเทศเมียนมา ตรงข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก และขอความช่วยเหลือมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา



ทางมูลนิธิอิสรภาพยังได้ประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตโมร็อกโก ประจำประเทศไทย ทำหนังสือไปยังสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.67



แต่เมื่อประสานติดตามกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.แม่สอด และที่ว่าการอำเภอพบพระ จ.ตาก เพื่อสอบถามความคืบหน้า กลับพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รับการประสานงานส่งต่อข้อมูลการขอความช่วยเหลือนี้ และเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองกำลัง DKBA ที่มีอำนาจปกครองเหนือพื้นที่ดังกล่าวได้เข้าไปตรวจสอบรายชื่อเหยื่อชาวโมร็อกโกทั้งหมดแล้ว จึงมีการทำหนังสือไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด่วน



โดยล่าสุดได้ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รวมถึงนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม ที่เคยช่วยเหลือกรณีเหยื่อค้ามนุษย์ในเมืองเล่าก์ก่ายของเมียนมาด้วย



นายกัณวีร์ กล่าวว่า ผ่านมากว่า 1 เดือน ที่หน่วยงานของไทยได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ รัฐบาลไทยไม่ควรเพิกเฉยต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยอ้างว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ในเมียนมา แต่จากข้อมูลของเหยื่อยืนยันว่าถูกหลอกให้มาทำงาน และเดินทางผ่านประเทศไทย และไทยสามารถใช้กลไกด้านมนุษยธรรมในการช่วยเหลือพวกเขาอย่างเร่งด่วน โดยประสานกองกำลังชาติพันธุ์ที่ดูแลพื้นที่นำตัวมายังไทย ให้กระทรวงการพัฒนาสังคม รับตัวผ่านกระบวนการ NRM คัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์ ให้สถานทูตโมร็อกโกรับตัวกลับ ส่วนผู้กระทำผิดก็ถูกดำเนินคดี



ล่าสุด เหยื่อชาวโมร็อกโกได้ขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเป็น 21 คน และคาดว่ายังมีเหยื่อชาวโมร็อกโกมากกว่านี้ เนื่องจากเชื่อว่ายังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ติดต่อกันไม่ได้ และครอบครัวห่วงความปลอดภัยของเหยื่อ หลังมีข่าวเผยแพร่ออกไป อาจเป็นอันตรายหรือถูกปิดปาก



โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนมีการช่วยเหลือเหยื่อชาวโมร็อกโก 2 ราย ให้การกับหน่วยงานของไทยทั่ง พม.กรมการจัดหางานและดีเอสไอ ว่า ถูกชักชวนให้เดินทางมาทำงานในประเทศไทยเกี่ยวกับ E-Commerce โดยจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และจะได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ดอลลาร์ เมื่อมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น



ซึ่งทั้งหมดได้พูดคุยกันใน WhatsApp และทั้งสองได้เดินทางออกจากโมร็อกโกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 พร้อมชาวโมร็อกโกอีก 5 คน โดยได้เปลี่ยนเครื่องบินที่ตุรกี มาลงที่มาเลเซียเพื่อทำวีซ่าเข้าไทย และเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่สนามบินดอนเมือง ก่อนเดินทางมาสนามบินแม่สอด และมีคนมารับขึ้นรถตู้ พาไปยังถนนเล็กๆ มีผู้ถืออาวุธไม่ทราบชาติใด นำตัวพวกเขาขึ้นเรือข้ามแม่น้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นประเทศใด แต่มีคนคล้ายคนจีนพาไปที่บริษัท ยึดโทรศัพท์ และเริ่มบ้งคับให้ทำงาน



ทำให้รู้ตัวว่าถูกหลอกให้ทำงานสแกมเมอร์ หากไม่ยินยอมจะถูกลงโทษเช่นการมัดด้วยโซ่ ใช่ปืนไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย จนมีบาดแผล ซึ่งพยายามติดต่อครอบครัวนำเงิน 7.000 เหรียญสหรัฐมาจ่ายค่าไถ่ และได้ปล่อยตัวมาแล้ว ซึ่งหน่วยงานของไทย เห็นว่าเป็นความผิดจากการค้ามนุษย์

คุณอาจสนใจ

Related News