ทนายความ 'บุ้ง' เผย 'กรมราชทัณฑ์' ไม่ให้วงจรปิดปิดโอกาสการชี้แจงความบริสุทธิ์

วันนี้ครบกำหนดที่ทีมทนายความของ บุ้ง เนติพร ขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งมอบภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดในเช้าวันที่บุ้งเสียชีวิต แต่กรมราชทัณฑ์ปฎิเสธที่จะส่งมอบภาพให้โดยระบุ 3 เหตุผลประกอบ และได้ส่งเป็นเอกสารให้พ่อ แม่ ผู้ตายแล้ว แต่ทนายความระบุว่ายังไม่มีใครเห็นเอกสารที่กรมราชทัณณฑ์อ้างถึง


วันนี้ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน ได้เดินทางมาขอรับไฟล์กล้องวงจรปิดวันที่ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ ’บุ้ง ทะลุวัง’ เสียชีวิตตามที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


โดยนายกฤษฎางค์ระบุว่าเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไม่ให้ภาพจากล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ โดยให้เหตุผล 3 ข้อ คือ


1. ภาพเคลื่อนไหวระหว่างการรักษา มีภาพของพนักงาน และเจ้าหน้าที่ จึงเกรงว่าจะกระทบ

2. เพื่อความมั่นคงเพราะภาพในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คือ ’เรือนจำ’ อาจเกี่ยวข้องกับความมั่นคง

3. กลัวว่าจะเกิดความเสียหายแก่คนตาย โดยทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งว่ามีการทำหนังสือถึงพ่อ-แม่ ของ น.ส.เนติพร


แล้ว ระบุว่า หากต้องการมาดูภาพวงจรปิดให้ประสานเข้ามาภายหลัง โดยนายกฤษฎางค์ยืนยันว่าหนังสือดังกล่าวยังไม่เห็น และพ่อ-แม่ ของ น.ส.เนติพรยังไม่ได้รับ และยังตกใจอยู่ที่วันนี้ไม่ได้รับไฟล์วงจรปิด คิดว่าจะมีการเบลอหน้าบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วมอบให้ตามที่ตกลงไว้


นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้สามารถขอเอกสารการรักษาบางส่วนมาได้แล้ว เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อไป ทั้งนี้ ขอถามไปถึงรัฐบาล และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ว่าแน่ใจแล้วหรือที่จะไม่ให้ภาพจากกล้องวงจรปิด เท่ากับราชทันณฑ์ปิดโอกาสตัวเองในการชี้แจงความบริสุทธิ์ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และโง่เขลา โดยรายงานจาก รพ.ธรรมศาสตร์ฯ มีความสมบูรณ์มากพอที่จะระบุว่า น.ส.เนติพร เสียชีวิตที่ไหน และนอกจากการใส่ท่อช่วยหายใจในหลอดอาหารแล้ว ยังมีข้ออื่นๆ อีก ตอนนี้ขอเวลารวบรวม และจะเดินหน้าต่อไปเชื่อว่าการปิดบังข้อมูลเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าจะสามารถปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือได้


สำหรับพ่อ-แม่ ของ น.ส.เนติพร เพียงแค่อยากรู้สาเหตุแท้จริงที่ลูกสาวเสียชีวิต รวมถึงหากมีการดูแลผู้ต้องขังที่ยังไม่พิพากษาว่าผิด อยากให้ดูว่าเกิดการผิดพลาดอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องมีใครตายในระบอบนี้อีก เพราะราชทัณฑ์มีหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังทุกราย และยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นผลเสียต่อทางราชการแน่นอน


ส่วนเรื่องการฟ้องร้องหลังจากนี้ นายกฤษฎางค์ ระบุว่าจะสรุปให้เร็วที่สุด คาดว่า 2-3 วัน จะได้ข้อสรุป ตอนนี้เอกสารทั้งหมดครบแล้ว เหลือเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดเท่านั้น และได้ฝากทิ้งท้ายถึง พ.ต.อ.ทวี ว่า"การที่หน่วยงานของท่านปิดบัง อาจหมายความว่าท่านปิดบังด้วย เพื่อให้โปร่งใส ขอแนะนำว่าเปิดเถอะ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด"