ค้นบ้านอดีตเมีย 'เอก ปากน้ำ' หาหลักฐานโยงแก๊งตบทรัพย์ พบบัญชีธนาคาร-เอกสารต้องสงสัย

ครบ 7 วันหลังตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เเละ ป.ป.ท. ซ้อนเเผนเข้าจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ร่วมกับ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก พร้อมพวก มีพฤติกรรมข่มขู่รีดเงินจากอธิบดีกรมการข้าว แลกกับการไม่ยื่นเรื่องร้องเรียนเเละกลั่นแกล้ง แล้วมีการขยายผลต่อเนื่อง นำไปสู่การเข้าตรวจค้นจับกุมนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือ เอก ปากน้ำ ที่บ้านย่านนิมิตรใหม่

ล่าสุด ตำรวจปปป. นำหมายค้นเข้าค้นบ้านอดีตภรรยาเอกปากน้ำ ย่านเพชรเกษม ด้วยหลังมีข้อมูลว่า อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการตบทรัพย์ข้าราชการ



พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการให้พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ บก.ปปป.นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตภรรยาของนายเอกลักษณ์ วารีชล ซึ่งพักอยู่กับบุตรชายวัย 4 ขวบ ภายในหมู่บ้านเพชรเกษม 3 ซอย เพชรเกษม 94 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค



ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเอกสารต้องสงสัยจำนวนหนึ่ง พร้อมบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของนายเอกลักษณ์ พบมียอดเงินเข้าบัญชี 1 แสนบาท เหลืออยู่ 5 หมื่นบาท จึงเก็บเอาไปเป็นหลักฐาน พร้อมกับนำเอาโทรศัพท์อดีตภรรยาของผู้ต้องหาไปตรวจสอบด้วย เพราะพบมีการลบแชทไลน์และแชทใน stories อยู่หลายสิบรายการ



จากการสืบสวนพบผู้ต้องหารายนี้ ชอบทำตัวลึกลับ แสดงตัวน้อยสุดแฝงตัวเข้าทำเนียบ หรือสภาเพื่อหาข้อมูลก่อนนำมาหาผลประโยชน์ และมักจะรับงานเป็นที่ปรึกษาโครงการ เรียกว่า ปั้นงบประมาณ โดยใช้ความรู้ด้านเทคนิค ฝังปมหรือสร้างเงื่อนไข ใน TOR เพื่อควบคุมโครงการตั้งแต่เริ่มของบประมาณ การร่วมประมูล จนกลุ่มตนเองได้งาน หลังจากนั้นก็จะเอาปม หรือเงื่อนไข ที่แอบฝังไว้ใน ToR ส่งให้เพื่อนร่วมแก๊งไปตบทรัพย์ โดยที่เหยื่อแทบไม่รู้ตัว



ผู้บังคับการ ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้า คดี นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก ตบทรัพย์นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ว่า หลังจาก พนักงานสอบสวน ออกหมายจับผู้ต้องหา ในคดีนี้ 4 ราย และจับกุมตัว ไปแล้วก่อนหน้านี้ และจากการสืบสวนสอบสวน ทำให้ทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำผิดอีกอย่างน้อย 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นตัวการสำคัญ ส่วนอีก 1 รายเป็นบัญชีม้า



ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ประกอบด้วยภาพวงจรปิด พยานเอกสาร รวมถึง คำให้การของ ผู้เสียหายก่อนหน้านี้ จึงยังไม่สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ถึง 3 วัน



โดย สัปดาห์หน้า ชุดทำงาน ของตำรวจสอบสวนกลาง จะมีการประชุมใหญ่ เพื่อหารือแนวทางการทำงาน ทั้งการสืบสวนสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐานตลอดจนการเข้าค้นแหล่งเป้าหมาย เพื่อขยายผล ไปยังคดีอื่นๆ



ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ยังมี มีผู้เสียหาย อีกหลายวง มีมูลค่าความเสียหาย มากกว่า 100 ล้านบาท



ส่วนกรณี ที่มีข่าว ว่าผู้เสียหายวงฝนหลวง และ ยุติธรรม ติดต่อ เตรียม เข้าแจ้งความ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มนี้นั้น ส่วนตัวยังไม่ได้รับการประสานแต่อย่างใด แต่ ทราบว่า ผู้เสียหายทั้ง 2 วง ได้ติดต่อ ไปยัง พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง โดยตรง แต่จนถึงขนาดนี้ ยังอยู่ระหว่าง การรวบรวมพยานหลักฐาน จึงอาจต้องใช้เวลา อีกสักระยะ



คดีนี้ พนักงานสอบสวน มีพยานหลักฐาน แน่นหนาและชัดเจน ที่จะดำเนินการเอาผิดกับผู้ต้องหา ทั้งหมดได้ แต่จะสามารถขยายผลไปยัง วง อื่นๆ ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้เสียหาย ว่าจะดำเนินการเอาผิดผู้ต้องหาหรือไม่