สังคม
สำรวจความพร้อมระบบท่อส่งน้ำมัน ลดการวิ่งรถบรรทุก TPN เผย ช่วยประหยัดเวลา-เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดย chiwatthanai_t
18 ธ.ค. 2566
162 views
เมื่อวานนี้ ผู้ประกอบการรถบรรทุก ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐ จัดระบบการขนส่งน้ำมันใหม่ เพื่อความปลอดภัย และลดปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการรถบรรทุกบอกว่า ช่วงเทศกาล ทางสหพันธ์การขนส่งฯ ได้รับการประสานจากรัฐ ให้พิจารณา วิ่งรถบรรทุกเท่าที่จำเป็น เพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล แต่ปรากฏว่ารถบรรทุกน้ำมัน ยังคงวิ่งได้เต็มจำนวน ทั้งที่มีการขนส่งด้วยระบบท่อ ติดตั้งเชื่อมโยงเกือบทั่วประเทศแล้ว วันนี้ทีมข่าว 3 มิติ จึงลงพื้นที่สำรวจความพร้อมของการขนส่งน้ำมันโดยระบบท่อว่า ครอบคลุมมากน้อยเพียงใด และหากใช้การขนส่งด้วยระบบท่ออย่างเต็มรูปแบบ จะส่งผลดีเรื่องราคา และผลดีด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไร
เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบท่อส่งน้ำมัน ใช้เครื่องสแกนตรวจดูความเรียบร้อยท่อส่งที่ฝังอยู่ใต้ดิน ในพื้นที่การเกษตรริมถนนเชื่อมต่อสระบุรี-ลพบุรี แนวท่อส่งน้ำมันนี้ เป็นช่วงหนึ่งของระยะทาง 342 กิโลเมตรไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานีจ่ายปลายทางคือ จ.ขอนแก่น คลังน้ำมันที่เห็นนี้ คือ สถานีจ่ายน้ำมันของภาคเหนือที่ จ.ลำปาง ที่รับต่อจากท่อส่งน้ำมันที่ จ.กำแพงเพชร ท่อส่งน้ำมันทั้งภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความยาวรวมกันเกือบ 1,000 กิโลเมตร สถานีส่งน้ำมันแห่งนี้ซึ่งอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร ทำหน้าที่ส่งน้ำมันแยกออกไป 2 เส้นทาง คือ สถานีจ่าย จ.ลำปาง เส้นที่2 ไปสถานีจ่ายที่จังหวัดพิจิตร เพื่อจ่ายน้ำมันใส่รถบรรทุกส่งไปตามปั้มน้ำมันในพื้นที่ต่างๆ ย่นระยะการขนส่ง
ประเทศไทยมีโครงข่ายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ 4 โครงข่าย โครงข่ายแรก คือ ระบบท่อส่งน้ำมันของ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ความยาว 360 กิโลเมตร ประกอบด้วย ระบบท่อส่งน้ำมัน มาบตาพุด – ศรีราชา ,ศรีราชา - สระบุรี ,ลำลูกกา – ท่าอากาศยานดอนเมือง และลำลูกกา – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โครงข่ายที่ 2 เป็นของบริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด ระยะท่อประมาณ 100 กิโลเมตร พื้นที่ท่อส่ง ครอบคลุมสนามบินทั้ง 2 แห่ง
โครงข่ายที่ 3 ระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) เริ่มต้นที่จังหวัดสระบุรี ผ่าน,ลพบุรี ,นครราชสีมา ,ชัยภูมิ ปลายทางจังหวัดขอนแก่น ระยะทาง 342 กิโลเมตร
และโครงข่ายที่4 ระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อภาคเหนือ ของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ต้นทางที่พระนครศรีอยุธยา ผ่านอ่างทอง,สิงห์บุรี ,ชัยนาท,นครสวรรค์ ,กำแพงเพชร ,พิจิตร,ตาก ปลายทางสถานีจ่าย ลำปาง ระยะทางรวม ของคลังน้ำมันปลายทางที่จังหวัดพิจิตรและจังหวัดลำปาง คือ 573 กิโลเมตร
ตามกฏหมายจะอนุญาตให้รถบรรทุกวิ่งได้ ไม่เกิน 60 กม.ต่อชั่วโมง โดยมีเงื่อนไงต้องพักทุก 4 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นรถบรรทุกน้ำมัน 40,000 ลิตร จากต้นทางสระบุรีไปขอนแก่น ประมาณ 342 กม.จะใช้เวลา 5.7 ชม.ต่อเที่ยว เส้นทางสายเหนือ จากอยุธยาไปลำปาง 573 กม.จะใช้เวลา 9.55 ชม.
เจ้าหน้าที่ของ ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ให้ข้อมูลว่า ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ นอกจากจะช่วยเรื่องระยะเวลาขนส่งแล้ว ระบบนี้ยังมีความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สถิติปริมาณการขายน้ำมันภูมิภาคเหนือ กลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ ของกรมธุรกิจพลังงานเดือนกันยายน 2566 เมื่อรวมทั้งปี จะอยู่ที่ 10,000 ล้านลิตร รถวิ่งขนส่ง 1,070,000 เที่ยวเศษ ระยะทาง เกือบ 400 ล้านกม.ใช้น้ำมันในการขนส่ง ประมาณ 124 ล้านลิตร คิดเป็นเงิน ประมาณ 3,725 ล้านบาท ซึ่งภาคการขนส่งนี้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 327,000 ตัน เท่ากับต้องปลูกป่า 272,000 ไร่
แท็กที่เกี่ยวข้อง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ,ระบบท่อส่งน้ำมัน ,สำรวจความพร้อม