กองปราบส่ง 2 สำนวนคดี 'กำนันนก' ให้อัยการแล้ว มั่นใจหลักฐานเพียงพอ เอาผิดได้แน่

พนักงานสอบสวนกองปราบส่งสำนวนคดีกำนันนก ฐานเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าสารวัตรศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว ทั้ง 2 สำนวนให้อัยการคดีอาญาและคดีทุจริตฯ แล้ว ทั้งสองคดีสำนวนมีความหนากว่า 8 พันหน้า ผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน



พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำสำนวนทั้งคดีอาญา และคดีทุจริต ส่งมอบให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต โดยแบ่งเป็นคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งมีนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ที่ถูกวิสามัญ และนายประวีณ จันทร์คล้ายหรือ กำนันนก ร่วมกันเป็นจำเลย โดยกำนันนกยังคงให้การปฏิเสธ สำนวนหนาประมาณ 3,087 แผ่น และสำนวนคดีเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ม.157 ที่มีพันตำรวจตรีเกียรติศักดิ์ สมสุข สารวัตรสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครกับพวกตำรวจและพลเรือนที่ร่วมกันช่วยเหลือกำนันนกหลบหนี และทำลายพยานหลักฐาน ร่วมกันเป็นจำเลย 28 คน สำนวนมีความหนาประมาน 4,070 แผ่น



โดยนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสำนวน ระบุว่า การรับสำนวนทั้ง 2 สำนวน เป็นสำนวนที่สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว ขณะนั้นดำรงตำแหน่งสารวัตรทางหลวง1กองกำกับการ 2 ซึ่งถูกนายหน่องใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย ในงานเลี้ยงวันเกิดของกำนันนก ซึ่งเหตุเกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงเป็นจำนวนมาก โดยสำนวนแรกมีผู้ต้องหา 2 คน คือนายหน่องที่ถูกวิสามัญ ถูกกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิงปืนในเมืองหมู่บ้านหรือชุมชนโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนกำนันนก ถูกกล่าวหาว่าจ้างวานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น นอกจากนี้กำนันนกยังถูกกล่าวหาในสำนวนที่ 2 ด้วย โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในชั้นสอบสวนนายหน่องถึงแก่ความตาย ส่วนกำนันนกปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้กำนันนกอยู่ระหว่างการฝากขัง และจะครบฝากครั้งที่ 6 ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้



สำหรับสำนวนที่ 2 ผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จะครบ 21 พ.ย. ครบฝาก 6 ส่วนผู้ต้องหาบางส่วนอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งอัยการจะนัดหมายวันฟังคำสั่งของอัยการอีกครั้งภายหลัง



ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญ ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกิดเหตุต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางอัยการจะตั้งคณะทำงานขึ้นมารับผิดชอบทั้ง 2 สำนวน โดยคณะทำงานจะตรวจสำนวนให้มีความละเอียดรอบคอบรวดเร็ว และเร่งมีความเห็นให้ทันภายในกำหนดครบฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 7 ในช่วงปลายพฤศจิกายนนี้



ขณะที่นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เข้าไปร่วมสอบสวนทำสำนวนร่วมกันตำรวจ เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ถูกนำไปเทียบเคียงกับคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ โดยการตั้งอัยการเข้าไปร่วมสอบสวน เพื่อให้คดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ผู้บังคับการปราบปรามทำหนังสือไปยังอัยการสูงสุด และมีความเห็นส่งอัยการเข้าไปร่วมตรวจดูสำนวน ว่าต้องเพิ่มเติมประเด็นใดบ้าง ยืนยันว่ามั่นใจสำนวนที่นำมาส่งมอบในวันนี้เป็นสำนวนที่สมบูรณ์แบบ มั่นใจในพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมา มีความละเอียดรอบคอบ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอธิบดีอัยการผู้ตรวจสำนวนแต่ละสำนวน ว่าจะสั่งสอบเพิ่มเติมในประเด็นใดอีกหรือไม่



นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างการตรวจสอบคดีเก่าของกลุ่มลูกน้องกำนันนก หลังจากพบหลักฐานว่าเคยกระทำผิดมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ถูกดำเนินคดี เมื่อได้ข้อมูลหลักฐานทั้งหมดจะยื่นขอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รื้อคดีเก่า เพื่อดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มลูกน้องหรือเครือข่ายของกำนันนก ที่เคยก่อคดีมาก่อน