'กรมควบคุมมลพิษ' แจ้งความเอาผิดโกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชี เพิ่มอีก หลังพบการปนเปื้อนแหล่งน้ำ

ประเด็นด้านสารเคมีที่ข่าว 3 มิติ เกาะติดอยู่ คือกรณีพบการลักลอบเก็บกากอุตสาหกรรมปนเปื้อนสารเคมี กว่า 4 พันตัน ในโกดังที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ ได้แจ้งความเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก เพราะผลตรวจระบุชัดเจนว่าน้ำเสียสารเคมีปนเปื้อนแหล่งน้ำชลประทน ขณะผู้บังคับการตำรวจ ปทส. ระบุว่าการสืบสวนคืบหน้าไปมาก เหลือเพียงรออนุมัติการสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำในฐานะพยานได้

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นำผลตรวจวัดคุณภาพน้ำในคลองชลประทาน 3 ขวา อำเภอภาชี ที่พบว่ามีสารเคมีปนเปื้อน เพื่อเป็นหลักฐาน เข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับ การปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ติดตามเอาผิดโกดังที่ครอบครองสารเคมีดังกล่าว เพราะเป็นต้นเหตุ ให้น้ำสารเคมีปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ


นายปิ่นสักก์ ระบุว่าผลตรวจระบุชัดเจนว่าน้ำเสียที่ปนเปื้อนมีฤทธิ์เป็นกรด จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งเป็นความผิดตาม พรบ.ชลประทาน และก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกฎหมายอื่นๆ เช่นกรมโรงงานอุตสาหกรรมแจ้งความเอาผิดไปแล้ว และเห็นตรงกันว่าจะใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อเอาผิดผู้ก่อมลพิษดังกล่าว


ก่อนหน้านี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาชีไปแล้ว ให้เอาผิดเจ้าของโกดัง ซึ่งแยกเป็น 2 คน คือเจ้าของโกดังหลังที่ 1 ถึง 3 และเจ้าของโกดังหลังที่ 4 และ 5 รวมถึงบริษัทเอกอุทัย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมประเภท 106 ในความผิดตามพรบ.วัตถุอันตราย และพรบ.โรงงาน โดยสำนวนคดีดังกล่าว ยังอยู่ในความรับผิดชอบของสภ.ภาชี


และปลายทางของสำนวนคดีที่ภาชี จะถูกรวมเข้าเป็นสำนวนเดียวกับคดีที่ตำรวจ ปทส.รับผิดชอบ เนื่องจากตำรวจ ปทส.ก็ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีนี้โดยตรง ทั้งกรณี โกดังเก็บสารเคมีที่อำเภอภาชี และกรณีบริษัทซันเทค เคมีคอล แอนด์โลจิสติก อำเภออุทัย ซึ่งพบกากสารเคมีประเภท 106 อยู่ในโกดังของบริษัทนี้ ทั่้งที่บริษัท ได้รับอนุญาต รีไซเคิลขยะไม่อันตรายหรือ 105 เท่านั้น



อย่างไรก็ตาม คดีที่ตำรวจ ปทส.รับผิดชอบ ได้สืบสวนข้อเท็จจริงคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะการพบความเชื่อมโยง ของรถยนต์ขนกากอุตสาหกรรม และรถยก ของบริษัท เอกอุทัย ที่วิ่งเข้าออกทั้งบริษัทเอกอุทัย -โกดังลักลอบเก็บสารเคมี ที่อ.ภาชี และบริษัทซันเทค เคมีคอลฯ





ตอนนี้ตำรวจ ปทส.อยู่ระหว่างรอการอนุมัติสอบสวนจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะมอบให้รองผู้บังคับการหรือผู้บังคับการ บก.ปทส. ให้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และเมื่อได้รับอนุมัติก็จะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในฐานะพยานของคดีได้ เพื่อรวมรวบสำนวนทั้งหมด ก่อนเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา มีทั้งเจ้า ของโกดัง 2 ราย และบริษัทเอกอุทัยในฐานะนิติบุคคล และกรรมการบริษัท



ผู้บังคับการตำรวจ ปทส.ระบุว่า อยู่ระหว่างสืบข้อเท็จจริงว่าพฤติกรรมดังกล่าว เข้าข่ายความผิดพรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เพื่อเอาผิดทางแพ่ง รวมถึงตรวจ สอบย้อนหลังว่ามีพฤติกรรมฟอกเงินหรือยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบหรือไม่





สำหรับความผิดเกี่ยวกับ พรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่จะเรียกความรับผิดชอบทางแพ่งนั้น หากหน่วยงานรัฐอื่นๆเช่นเทศบาล หรือแขวงการทาง หรือแม้แต่ชาวนาหากพิสูจน์ได้ว่าได้รับความเสียหายจากน้ำเสียสารเคมีดังกล่าว ก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เช่นกัน /มนตรี อุดมพงษ์ รายงาน