สังคม

'ชูวิทย์' จี้นายกฯ-ผบ.ตร. ขอโทษกลุ่มดาราสาวไต้หวัน หลังต่อสายหาพยานชาวสิงคโปร์ ยันถูกรีดไถจริง

โดย panwilai_c

30 ม.ค. 2566

57 views

หลังจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก เตรียมเปิดหลักฐานกรณีหญิงชาวไต้หวัน อ้างถูกเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีน ข่มขู่-รีดไถเงินจำนวน 27,000 บาท ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งย้ายผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เเละให้เรียกตำรวจประจำด่านตรวจในคืนวัน 4 มกราคม 14 นาย สอบปากคำกรณีถูกกล่าวเรียกรับสินบน



วันนี้ (30 ม.ค. 66) พลตำรวจตรี นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อสอบปากคำตำรวจประจำด่านตรวจในคืนวันที่ 4 มกราคม โดยใช้เวลาสอบสวนในห้องประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง



พลตำรวจตรี นิตินันท์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกสอบตำรวจที่เกี่ยวข้อง 5 นาย จากทั้งหมด 14 นาย จากการสอบปากคำ ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดยังให้การปฎิเสธเรื่องรับเงิน ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้



ด้านพลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งด่วนให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งย้ายผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ไปช่วยราชการทันที หลังปรากฏข้อมูลตำรวจในสังกัด เรียกรับเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญา กับตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง



ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเน้นย้ำให้ตำรวจทุกพื้นที่ หากตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่าพื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ และหากเป็นความผิดซ้ำซาก จะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการทั้งทางวินัย อาญา และทางปกครอง



ส่วนคนขับเเกร็บ คันที่หญิงชาวไต้หวันนั่งมาในคืนเกิดเหตุ ช่วงเย็นที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมข่าวช่อง 3 ยืนยันว่าให้การไปตามที่เห็น ตำรวจไม่ได้สั่งหรือบังคับให้พูดอะไร พร้อมกับย้ำว่าในวันเกิดเหตุ รับชาวไต้หวัน ไปจนถึงที่บริเวณด่านตรวจ แล้วก็เห็นพฤติกรรมเพียงเท่านั้น ยืนยันว่าวันนั้นหญิงชาวไต้หวันค่อนข้างเมา และคุยเสียงดัง



ส่วนประเด็นที่สงสัยว่า มีบุคคลที่สามมาช่วยเคลียร์เรื่องเงินหรือไม่ คนขับรถรายนี้บอกว่าไม่ทราบ เพราะขณะนั้น กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ มีหันไปมองบ้างเวลาเวลาที่ผู้หญิงส่งเสียงดัง อยู่ที่ด่านได้สักพักประมาณ 20 นาที แล้วก็ขับรถออกมา



ล่าสุดช่วงค่ำที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์คลิปสัมภาษณ์พยานชาวสิงค์โปร์ ผู้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนกับหญิงชาวไต้หวัน ยืนยันว่าอยู่ร่วมในเหตุการณ์ เเละเป็นคนที่นำเงิน 27,000 บาทให้ตำรวจ ในคืนวันที่ 4 มกราคม เพื่อเเลกกับกับการไม่ถูกดำเนินคดี "กรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า" เรียกร้องตำรวจออกมาขอโทษเเละคืนเงินให้นักท่องเที่ยว ขณะที่บัญชาการตำรวจนครบาล เเถลงยืนยันไม่ได้สั่งลบคลิป อยู่ระหว่างตรวจสอบ "มีตำรวจเรียกรับเงินจริงหรือไม่"



พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เเถลงยืนยันไม่ได้สั่งให้ลบคลิปวงจรปิดและกล้องตำรวจ วันเกิดเหตุมีการตั้งด่านตรวจจริง และตรวจเจอบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่เจ้าหน้าที่ประจำด่านกลับปล่อยตัวไปเเละไม่ดำเนินคดี ถือมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนการเรียกรับสินบน ตามมาตรา 149 อยู่ระหว่างตามพยานบุคคลมาสอบเพิ่ม



วงจรปิดริมถนนรัชดาภิเษก บันทึกเหตุการณ์คืนวันที่ 4 มกราคม ราวตีสองยี่สิบเจ็ดนาที รถยนต์เเกร็บคาร์-มาสด้า 2 สีเเดง ขับมาจอดบริเวณด่านตรวจหน้าสถานทูต นักท่องเที่ยวลงจากรถ ปรากฏภาพมองเห็นจากระยะไกลยืนอยู่บนทางเท้า ตรงจุดนี้ไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เเต่ข้อมูลจากผู้ร้องยืนยันว่า พวกเขาซึ่งประกอบด้วยชาวสิงค์โปร์ 3 คน เเละชาวไต้หวัน 1 คน ถูกตำรวจประจำด่านตรวจบางราย เรียกรับเงิน 2 หมื่น 7 พันบาท



ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ราวตีสองห้าสิบสี่นาที มาสด้า 2 ที่นั่งมา ขับออกจากด่าน กระทั่งตีสามเเปดนาที มีเเท็กซี่วิ่งเข้าด่าน จอดรับนักท่องเที่ยว 4 คน



จากนั้นราวตีสามสี่สิบหกนาที วงจรปิดบันทึกภาพหญิงชาวไต้หวัน เดินเล่นกับเพื่อนในตลาดย่านห้วยกลาง จากภาพนี้ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต โดยเฉพาะคำให้การคนขับเเกร็บ ที่ก่อนหน้านี้ยืนยันว่า กลุ่มผู้โดยสารชาวไต้หวัน อยู่ในอาการเมาเเละโวยวาย พูดไม่รู้เรื่อง



ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โพสต์คลิปในเฟซบุ๊ค เป็นตัวเเทนขอโทษนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน เเละกดดันตำรวจเปิดหลักฐานเเละออกมายอมรับ



ล่าสุด 19 นาฬิกาที่ผ่านมา นายชูวิทย์โพสต์คลิปอีกครั้ง โดยพูดคุยทางโทรศัพท์กับชายชาวสิงค์โปร์ ผู้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนกับหญิงชาวไต้หวัน ยืนยันว่าอยู่ร่วมในเหตุการณ์ เเละเป็นคนที่นำเงิน 27,000 บาทให้ตำรวจ เพื่อเเลกกับกับการไม่ถูกดำเนินคดี "กรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า"



นายชูวิทย์ เตรียมจะเปิดตัวพยานรายนี้ จึงฝากถึงนายกรัฐมนตรี เเละผบ.ตร. ออกมาขอโทษเเละคืนเงินให้นักท่องเที่ยว

คุณอาจสนใจ

Related News