จนท.ป่าห้วยศาลา วางแผนดักแก๊งลอบตัดไม้มีค่าเขตหวงห้าม จับได้ 1 ราย

เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา จังหวัดศรีสะเกษ วางแผนถึง 2 คืน 3 วัน เพื่อดักจับขบวนการลักลอบตัดไม้พะยุง และไม้มีค่าอื่นๆในเขตรักษาพันธุ์ ซึ่งมักจะลักลอบ ขึ้นมาตัดในช่วงนี้ ที่พ้นฤดูฝนไปแล้ว ล่าสุดจับขบวนการตัดไม้ได้ 1 คน พร้อมเลื่อยโซ่ยนต์ ส่วนอีกอย่างน้อย 5 หลบหนีไปได้



หลังสิ้นสุดฤดูฝนมักเป็นช่วงที่ขบวนการตัดไม้ตามแนวชายแดน ลักลอบเข้ามาตัดไม้มีค่า เช่น ไม้พะยุง มะค่า หรือประดู่ จากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยศาลา จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนำขามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งมักตกเป็นเป้าหมาย อยู่ห่างจากชายแดนราว 1 กิโลเมตรเท่านั้น



ล่าสุดเจ้าหน้าที่ราว 20 นาย กระจายกำลังลาดตระเวนจากหน่วยพิทักษ์ป่าทะนำเจ็น เพื่อไปจุดที่เรียกว่าพนมตีนหมี พลาญไผ่ ซึ่งตั้งจุดพักแรมในพื้นที่ป่า 2 คืน 3 วัน เพื่อรอเข้าจุดตรวจที่เป้นเป้าหมาย



ที่จุดลาดตระเวนพนมตีนหมี เจ้าหน้าที่พบไม้ชิงชันขนาดความโต 200 เซนติเมตร ทั้งหมด 4 ต้น ถูกโค่นและตัดเป็นท่อนไว้คาดว่า เพื่อรอทีมงานลักลอบตัดไม้อีกชุดมาขนย้าย ออกไป บริเวณเดียวกันเจ้าหน้าที่พบหัวลูกระเบิดอาร์พีจีตกอยู่ด้วย



กระทั่งเช้าวันที่ 6 ที่ผ่านมา ชุดสายตรวจซึ่งซุ่มอยู่ที่ป่าพลาญไผ่ พบกลุ่มคนอย่างน้อย 5-7 คนพร้อมสัมภาระเดินเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่แสดงตัวกุม แต่คนกลุ่มดังกล่าวทิ้ง กระเป๋าสัมภาระและวิ่งหนีไป โดยมี 1 คน ถูกจับได้พร้อมเลื่อยโซ่ยนต์ บาร์โซ่ น้ำมันเครื่องและอุปกรณ์อื่นของขบวนการตัดไม้ คนที่ถูกจับได้เป็นชายชาวกัมพูชาชื่อนายเมาะ บุนนี อายุ 57 ปี ชาวบ้านภูมินะทอนเกง ตำบลอัลลองเวง จ.อุดรมีชัย



เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา จ.ศรีสะเกษ เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของขบวนการตัดไม้ข้ามชาติ ซึ่งจะแบ่งงานออกเป็น 3 ถึง 4 ชุด คือชุดลาดตระเวนชี้เป้า คนกลุ่มคนนี้ จะทำทีเข้ามาหาของป่า แต่ที่จริงคือลาดตระเวนเพื่อกำหนดพิกัดไม้ที่ต้องการตัด โดยทำสัญลักษณ์ เช่นขูดขีดรอบวง หรือทาสี หรือสัญลักษณ์อื่นใดที่เข้าใจกันในกลุ่ม ส่วนกำลังชุดที่ 2 จะเข้ามาทำหน้าที่ตัดไม้ แปรรูปไม้เป็นท่อนแล้วกองทิ้งไว้ จากนั้นจะมีชุดที่ 3 มาลำเลียง เข็น หรือแบกออกไป



โดยทุกชุดจะมีกองกำลังติดอาวุธสงคราม คอยคุ้มกัน จึงมักปะทะกับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน ซึ่งเป็นหนึ่งในความเสี่ยง นอกจากนี้ ทุ่นระเบิดที่ถูกวางแบบตั้งใจ และที่ตกอยู่จากปัญหาขาดแย้งทางการเมืองของเพื่อนบ้านในอดีต ซึ่งใช้พื้นที่ชายแดนไทยเป็นสรมภูมิสู้รบกัน ก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเช่นกัน