สังคม
เค้นชนวนลวงฆ่าโหด ‘หวัง สันติ’ อ้างขัดแย้งธุรกิจยาเสพติด ซัดทอดอีก 2 ผู้ร่วมก่อเหตุ
โดย pattraporn_a
18 มิ.ย. 2565
185 views
ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมสองสามี-ภรรยา และลูกแฝดที่ไต้หวันแล้วหลบหนีเข้าไทย ยอมรับสารภาพแล้วว่าร่วมก่อเหตุเพราะขัดแย้งธุรกิจยาเสพติด ที่ตำรวจเร่งตามตัวคนร้ายอีก 2 คน ที่ร่วมก่อเหตุ
คดีฆาตรกรรมสองสามี ภรรยา ชาวไทย ที่ไต้หวัน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีกลับมาที่ประเทศไทย ล่าสุดผู้ต้องหา รับสารภาพแล้วว่า ลงมือจริง โดยมีสาเหตุมาจากขัดแย้งเรื่องยาเสพติด ที่ร่วมลงทุนแต่เก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ และยังอ้างว่ามีคนไทยอีก 2 คน ร่วมก่อเหตุ ขณะตำรวจทราบตัวผู้ร่วมก่อเหตุที่เหลือแล้ว อยู่ระหว่างประสานให้ตำรวจไต้หวัน เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
จากหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งผลตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นของนายสันติ หรือหวัง อายุ 35ปี ภาพวงจรปิด หมายจับจากอัยการไต้หวัน ได้ส่งมาให้ตำรวจกองปราบปราม ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าสองสามีภรรยา ที่ไต้หวัน ในที่สุดนายสันติยอมรับว่ามีปัญหาหนี้สินในการลงทุนร่วมกันค้ายาเสพติด และอ้างว่าเก็บจากลูกค้าไม่ได้ จนเกิดปากเสียกันรุนแรง จนลวงไปฆ่า
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุอย่างน้อย 3 คน คือนายสันติ และลูกน้องอีก 2 คน โดยนายสันติเป็นหัวหน้า ว่าจ้างให้ลูกน้อง 2 คนลงมือฆาตกรรม มีภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ชัดเจน โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นคนไทย
คดีฆาตรกรรม สะเทือนขวัญสองสามีภรรยา ซึ่งกำลังตั้งครรภ์คดีนี้ เป็นที่สนใจของสื่อไต้หวัน เมื่อผู้ต้องหาระบุว่าเกิดจากลงทุนร่วมกันค้ายาเสพติด
เมื่อตรวจสอบการจับกุมคดียาเสพติด ที่ส่งจากเมืองไทย ปลายทางที่ไต้หวัน พบว่าเครือข่ายยาเสพติดมีการส่งออกไปล็อตใหญ่ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไต้หวันยึดเฮโรอีนบริสุทธิ์ได้ล็อตมหึมา กว่า 446 กิโลกรัม มูลค่า 6พันล้านบาท ส่งจากประเทศไทย โดยสำแดงเท็จเป็นไม้แปรรูป ต้นทางมาจากสามเหลี่ยมทองคำเป็นเครือข่ายหลงเกอ มีชายชื่อหลินเป็นตัวการสำคัญ
และมีการตรวจยึดได้ ที่ตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนส่งยาเสพติดไปไต้หวัน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยตบตาเจ้าหน้าที่ด้วยแผ่นซิลิเคนปูพื้น เมื่อผ่าซิลิโคนออก และตรวจด้วยเครื่องมือหาสารเสพติดผลจึงแสดงออกมาว่าเป็นไอซ์ทั้งหมด 897 กิโลกรัม หรือเกือบ 1 ตัน
และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจยึดไอซ์ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนในประติมากรรมรูปปั้นไมโอ เตรียมส่งไต้หวัน โดยขบวนการนี้มีภรรยาเป็นคนไทย เป็นผู้สั่งรูปปั้นมาจากไต้หวัน อ้างว่ามาจัดนิทรรศการแต่ไม่เคยมีการนำมาแสดงโชว์แต่อย่างได้ ได้นำไปเก็บไว้ในโกดังสินค้า ที่จ.สุมทรสาคร ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปยังท่าเรือแฉลมฉบัง
