สังคม

อย.สหรัฐฯ เผย ชุดตรวจ ATK ตรวจเชื้อ ‘โอมิครอน’ ไม่แม่นยำ / ยอดติดเชื้ออังกฤษพุ่งเกือบแตะแสนสอง

โดย pattraporn_a

29 ธ.ค. 2564

58 views

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA เปิดเผยว่า ชุดตรวจ ATK มีแนวโน้มที่จะให้ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนผิดพลาด เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ขณะที่ประเทศในเครือสหราชอาณาจักรโดยเฉพาะอังกฤษ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นถึง 1 แสน 1 หมื่น 7 พัน 93 คน แล้ว


สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA เปิดเผยว่า ชุดตรวจ ATK มีแนวโน้มที่จะให้ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนผิดพลาด เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้


แถลงการณ์ของ FDA ระบุว่า ได้ร่วมมือกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติ หรือ NIH เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน หรือชุดตรวจแอนติเจน กับตัวอย่างเชื้อโอมิครอนที่ยังมีชีวิตอยู่จากผู้ป่วย


โดยในข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ชุดตรวจ ATK สามารถตรวจหาเชื้อโอมิครอนได้แต่มีความแม่นยำลดลง นอกจากนี้ ยังระบุเพิ่มเติ่มว่า การทดสอบก่อนหน้านี้ได้มุ่งเน้นไปที่ตัวอย่างไวรัสที่ตายด้วยความร้อน (heat-inactivated virus) มากกว่าเชื้อไวรัสที่ยังมีชีวิตที่ทำให้ประสิทธิภาพของชุดตรวจลดลง


อย่างไรก็ตาม FDA ยังคงอนุญาตให้ใช้งานชุดตรวจ ATK ต่อไป เนื่องจากยังคงสามารถตรวจจับโปรตีนบนพื้นผิวของเชื้อไวรัสได้ พร้อมแนะว่าผู้ใช้งานควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างละเอียด เช่น ชุดตรวจบางอันแนะนำให้ผู้ใช้งานต้องตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง เพื่อยืนยันผลตรวจว่าเป็นลบจริง


ถ้าหากผู้ใช้งานมีผลตรวจเป็นลบ แต่รู้สึกว่ามีอาการป่วยแสดงออกมา จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อแบบ PCR Test เพื่อให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำ


ข่าวล่าสุดที่ออกมานี้เกิดขึ้น ในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีน รายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด พบผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีนรายใหม่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด นายน์ทีน ที่ 5 แสน 1 หมื่น 2 พัน 553 คน ทำให้สหรัฐอเมริกามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 7 วัน ที่ 2 แสน 6 หมื่น 7 พันคน


ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ได้ปรับลดอัตราส่วนของการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนในสหรัฐฯ โดยระบุว่า ขณะนี้โอมิครอนมีอัตราการแพร่ระบาดภายในประเทศอยู่ที่ 58.6% ลดลงจากเดิม 73% ที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ในขณะที่เชื้อเดลต้า ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลัก มีอัตราการส่วนอยู่ที่ 41.1%


โดยทาง CDC ระบุว่า สาเหตุที่ต้องมีการปรับลดมาจากความคลาดเคลื่อนของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าเชื้อโอมิครอนยังคงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ


ขณะที่ สหราชอาณาจักร ทางด้านสมาคมร้านขายขา (AIMp) ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจัดหา ชุดตรวจหาเชื้อโควิด นายน์ทีนแบบ Lateral Flow Test หรือ LFT ซึ่งเป็นการตรวจวินิจจัยโรคด้วยอุปกรณ์ทดสอบอย่างง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากกำลังประสบปัญหาขาดแคลน เพราะมีความต้องการสูง

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีนภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเฉพาะที่อังกฤษ ล่าสุด มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นถึง 1 แสน 1 หมื่น 7 พัน 93 คน


ด้านองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยวานนี้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด นายน์ทีนสายพันธุ์โอมิครอน ยังคงมีความเสี่ยงสูงมาก หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 11%


จากหลักฐานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พบว่า อัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นผลมาจากเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ที่สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และความสามารถในการแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่า เดลต้า ถึง 2 เท่า ในช่วงเวลา 2 ถึง 3 วัน ซึ่งได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในการแพร่ระบาด แทน เดลต้าไปแล้วในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร

คุณอาจสนใจ

Related News