พระราชสำนัก
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานพระนโยบาย โครงการ 'กองทุนหทัยทิพย์'
15 ต.ค. 2568
32 views
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.68 เวลา 9 นาฬิกา 50 นาที สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิงจรัสศรี ทีปิรัช รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสำนักองค์ประธาน นำ พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้แทนกองทัพบก ประกอบด้วย พลเอกอานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พลตรีกิติศักดิ์ ถาวร ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 และพลตรีวินธัย สุวารี เลขานุการกองทัพบก เฝ้ากราบทูลรายงานโครงการสนับสนุน กองทุนหทัยทิพย์ กองทัพบก
ตามที่ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงจัดตั้งกองทุนหทัยทิพย์ ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ขึ้น เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นมา โดยทรงเป็นประธานกรรมการบริหารกองทุน ทั้งนี้ ด้วยทรงห่วงความปลอดภัยของกำลังพลแนวหน้า และประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน จึงเห็นควรสนับสนุนการสร้างกำแพง และบังเกอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการเร่งด่วน
โดยกองทัพบกได้สนองพระดำริ จัดตั้งคณะทำงานโครงการสนับสนุนกองทุนหทัยทิพย์ กองทัพบก เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ตามแนวทางวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยมี พลเอกอานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางวัตถุประสงค์ของกองทุนหทัยทิพย์อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนและประเทศชาติ ทรงเล็งเห็นถึงภัยคุกคามในหลายรูปแบบ ทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบ ภัยธรรมชาติ ความขัดแย้ง และสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นแนวหน้าของการรักษาเอกราช และอธิปไตยของชาติ
ในการนี้ พลเอกอานุภาพ ศิริมณฑล ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานโครงการสนับสนุน กองทุนหทัยทิพย์ กองทัพบก ได้กราบทูลรายงานรายละเอียดของแผนการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นที่ความจำเป็นเร่งด่วน ได้แก่ การเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัย ให้แก่กำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี และกองกำลังบูรพา
ทั้งนี้ จากการสำรวจความต้องการในพื้นที่ พบว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดสร้าง และปรับปรุงสิ่งป้องกันภัย ประกอบด้วย การปรับปรุงที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ภายในฐานปฏิบัติการของหน่วยทหาร รวมทั้งสิ้น 799 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กองกำลังสุรนารี จำนวน 727 แห่ง และกองกำลังบูรพา จำนวน 72 แห่ง รวมถึงการจัดสร้างหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลอดภัย ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งสิ้น 173 แห่ง ในพื้นที่กองกำลังสุรนารี จำนวน 167 แห่ง ขนาดความจุ 40-60 คน และกองกำลังบูรพา จำนวน 6 แห่ง ขนาดความจุ 30 คน
ในการนี้ ทรงมีพระดำรัสให้กองทัพบก สนับสนุนการจัดสร้างหลุมบุคคล จำนวน 50 หลุม สำหรับใช้เป็นที่มั่นกำบังของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ และสร้างหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน จำนวน 8 แห่ง เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลอดภัยให้ประชาชน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อเป็นการดูแลช่วยเหลือ ทั้งทหาร และประชาชน อย่างเร่งด่วนสำหรับใช้เป็นต้นแบบในห้วงแรกนี้ก่อน
“ทางกองทุนหทัยทิพย์ก็จะเป็นคนสนับสนุนเรื่องเงิน ณ ส่วนนี้ จริง ๆ จะสนับสนุนหลายอย่างต้องค่อย ๆ ทำไป ขอให้ช่วยดูว่าเราจะสร้างกำแพงกั้นระหว่างเขมรกับไทย เป็นที่กั้นไม่ใช่เดี๋ยวด๋าว เป็นของที่ทำแล้วคงถาวร จริง ๆ บังเกอร์แบบนี้เป็นความเร่งด่วน ก็กองทุนหทัยทิพย์นี่อยากที่จะสนับสนุนด้วย จริง ๆ ของกองทุนหทัยทิพย์ที่จะทำนี่เป็นสิ่งของที่เร่งด่วนจำเป็นสำหรับทหาร อันนี้เป็นการช่วยทหาร อยากได้โครงการหนึ่งที่ช่วยประชาชน”
นอกจากนี้ ยังทรงมีพระดำรัสถึงการขับเคลื่อนการดำเนินงานของโครงการ และความมุ่งมั่นพระทัย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัย ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวหน้า ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร
“กองทุนหทัยทิพย์นี่จะขอออกสื่อให้ประชาชนได้ทราบว่ากองทุนของเขากำลังทำงานแล้ว ตอนนี้เห็นเงียบ ๆ ไปก็นึกว่าหมดแล้วไม่มีอะไรทำแล้ว จริง ๆ เงียบรอว่า อยากติดต่อทางทหารเพื่อจะหาข้อมูลเพิ่ม แล้วก็เพื่อเอาข้อมูลที่จะทำให้ทหารไปสู่ประชาชนคนไทย เราก็เก็บข้อมูลเพื่อเอาไปออกสื่อว่าเราได้ทำงานแล้ว เพราะว่าประชาชนเขาก็เห็นคุณประโยชน์ของมูลนิธินี้แต่ว่าก็อย่างทั่ว ๆ ไป ก็อยากเห็นเหมือนกันว่า บริจาคไปแล้วได้อะไรออกมารูปแบบยังไงอะไรอย่างงั้น”
ทั้งนี้ สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงพลังปกป้องอธิปไตยของชาติ เพื่อสนับสนุนการสร้างกำแพงและบังเกอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กับ กองทุนหทัยทิพย์ โดยสมทบทุนผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า ชื่อบัญชี เงินกองทุนหทัยทิพย์ ประเภทบัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 229-3-03266-6 และประเภทบัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่บัญชี 229-4-29977-7 หรือสแกน QR Code ผ่านระบบ e-Donation ทั้งนี้ เงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า หรือสอบถามรายละเอียด สำนักงานกองทุนหทัยทิพย์ ชั้น 1 อาคารวิจัยเคมี สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โทร. 0-2553-8616-19 ในวันและเวลาทำการ
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GnsWr1gFPsk
แท็กที่เกี่ยวข้อง กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ,กองทุนหทัยทิพย์