เลือกตั้งและการเมือง

'ภูมิธรรม' ลุยสุโขทัย ควงตะหลิวผัดถั่วงอก ลั่นถึงเวลาต้องคุยกัน ถึงเขื่อนแก่งเสือเต้น

โดย passamon_a

1 ก.ย. 2567

35 views

ภูมิธรรม ลุยสุโขทัย เตรียมชง ครม. ฟื้นแผนน้ำยุคยิ่งลักษณ์ ควงตะหลิวผัดถั่วงอก - ลั่นถึงเวลาต้องคุยกันถึงเขื่อนแก่งเสือเต้น เหตุมีความคิดเห็นแตกต่าง 2 ฝ่าย อยากให้จบในรัฐบาลนี้


เมื่อวันที่ 31 ส.ค.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ประชุมหน่วยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ติดตามสถานการณ์น้ำและแผนการแก้ไขปัญหาการเร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่ศาลากลางจังหวัด โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยรอต้อนรับ


นายสุชาติ รายงานสรุปสถานการณ์ว่า จากสถานการณ์น้ำไหลเข้าท่วมริมพื้นที่ฝั่งแม่น้ำยม และคลองยมน่าน เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 7 อำเภอ 41 ตำบล 163 หมู่บ้าน 7,195 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 37,227 ไร่ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุโขทัย ได้บูรณาการทุกภาคส่วนเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง โดยได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประสานงานและให้ความช่วยเหลือประชาชน แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบข้อมูลข่าวสารทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนแนวทางการปฎิบัติเพื่อเกิดความปลอดภัย


สั่งตั้งชุดเฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงอย่างใกล้ชิด หากเกิดกรณีเร่งด่วนให้อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและจัดศูนย์พักพิงชั่วคราว เร่งสำรวจความเสียหายทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่ กรณีเส้นทางที่ได้รับผลกระทบชำรุดเสียหายได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดถูกตัดขาด


บัดนี้ สถานการณ์อุทกภัย จ.สุโขทัยโดยรวมได้เริ่มคลี่คลายลง และได้เริ่มช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบสาธารณภัยได้ใช้ชีวิตในภาวะปกติได้ในเร็ววัน


ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า  ที่สุโขทัยทุกคนเฝ้าระวังน้ำท่วม สืบเนื่องมาจากน้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ พะเยา ซึ่งส่วนกลางมีความห่วงใย ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 30 ส.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาที่นี่ เพราะมีความห่วงใยมาก ตนเองจึงมาเยี่ยมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพราะค่อนข้างมีความห่วงใย เนื่องจากจังหวัดสุโขทัย เป็นพื้นที่ราบแบน รับน้ำจากพื้นที่ต่าง ๆ


และที่สำคัญแม่น้ำปิง วัง น่าน มีจุดรับน้ำ แต่แม่น้ำยมไม่มี ตรงนี้จะต้องมาทบทวนเพื่อหาช่องทางดูดซับน้ำ ก่อนที่น้ำจะทะลักออกมา โดยอาจต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และประชาชนได้รับผลกระทบรวมถึงลามไปยังจังหวัดอื่น ๆ ด้วย


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาล่วงหน้าไปแล้วอย่างเต็มที่ หน่วยงานต่าง ๆ มาเฝ้าระวัง และฟื้นฟู ขณะนี้แม้น้ำหลากจะหายไปบ้างแล้ว จนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังไม่หมดช่วงฤดูฝน เพราะฉะนั้นต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัดจะต้องเฝ้าระวัง เพื่อให้ราษฎรมีความอุ่นใจ ว่าเราจะแก้ปัญหาได้ พร้อมย้ำว่าต้องเร่งสำรวจพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง เร่งฟื้นฟูความเสียหาย และจับมือทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น


จากนั้น นายภูมิธรรมไปที่โรงครัวศูนย์ประสานกันช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสุโขทัย และโรงครัวพระราชทาน พร้อมช่วยแม่ครัวผัดกับข้าวเมนูผัดถั่วงอกใส่หมู ขณะที่นายอนุทินโชว์ฝีมือผัดกะเพรา และได้รับประทานอาหารที่ทำเองเป็นมื้อกลางวัน ร่วมกับรัฐมนตรีอีก 3 ท่านด้วย


จากนั้นนายภูมิธรรม ได้กล่าวกับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ก่อนมอบถุงยังชีพจำนวน 200 ชุด ว่า เราจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแก้ไขทางเดินน้ำเป็นวาระแห่งชาติ งบประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งแผนนี้เคยมีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เนื่องจากถูกรัฐประหารไปก่อน โดยเราจะนำกลับมาทบทวน เพราะเพื่อให้แม่น้ำยม มีพื้นที่รับน้ำเหมือนแม่น้ำ ปิง วัง น่าน ถ้าพี่น้องเห็นด้วยเราจะดำเนินการ ส่วนคนที่ค้านขอให้มาคุยกับพี่น้องที่กำลังโดนน้ำท่วม เพราะเสียงของเราที่อยู่ตามลุ่มน้ำประสบภัยมาตลอดชีวิต เป็นเสียงที่มีความหมาย


ทั้งนี้ ในส่วนของเฉพาะหน้าเราจะแจกถุงยังชีพ และเร่งระบายน้ำ ลดค่าน้ำค่าไฟ ตรวจความปลอดภัยหมู่บ้านที่ตัดน้ำตัดไฟ เพื่อคืนชีวิตปกติของท่าน ทลายน้ำท่วมน้ำขังให้หมดโดยเร็ว และหาทางป้องกันเพราะฤดูฝนยังไม่หมด รวมถึงเร่งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายโดยใช้งบกองทัพไทย ขอให้ท่านสบายใจ


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกองทัพ บริษัทก่อสร้าง ให้เด็กอาชีวะ และเทคนิคต่าง ๆ มาช่วยแก้ไขดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในวันอังคาร 3 ก.ย.67


นอกจากนี้ นายภูมิธรรม และคณะ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปยังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมรับฟังการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา และปริมาณน้ำในเขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา


โดย นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจว่า การมาครั้งนี้ ได้มีการปรึกษาหารือกันตลอด และรับฟังความห่วงใยต่าง ๆ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ลงพื้นที่ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็มีความเป็นห่วงราษฎรและอยากให้เราดูตรงนี้ให้เต็มที่ เพราะเห็นใจประชาชนที่อยู่ตรงนี้ โดยตนหารือกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สทนช. รวมทั้งประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยและนครสวรรค์ด้วย


นายภูมิธรรม กล่าวว่า น้ำที่ลงมาเป็นลักษณะน้ำหลาก ลงมาแล้วกระจายตัว สร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยพื้นที่น่าน พะเยา แพร่ ได้ลงพื้นที่และสั่งการไปเรียบร้อยแล้ว ให้ทุกฝ่ายช่วยกันระบายน้ำลงแม่น้ำโขง ซึ่งน้ำที่ลงมาส่วนใหญ่ลงมาจากแม่น้ำยม มีปัญหามากที่สุดต่อเนื่องมาหลายสิบปี เมื่อไหลลงมาไม่มีที่รองรับน้ำ ทำให้ จ.สุโขทัย ที่เป็นที่ลุ่มต่ำรับน้ำทั้งหมด ขณะที่แม่น้ำปิง วัง ที่ลงมาจาก จ.เชียงใหม่ คาดว่าจะไม่กระทบอะไรมาก ยังสามารถรับน้ำได้ค่อนข้างมาก ส่วนทาง จ.แพร่ ลงเขื่อนสิริกิติ์ไม่มีปัญหาอะไร และจากที่ดูแต่ละเขื่อนมีเปอร์เซ็นต์ที่สามารถรับน้ำได้


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้แก้ไขสิ่งที่กีดขวางทางน้ำ เช่น รื้อรางรถไฟเดิมที่เป็นจุดขวางน้ำออก ให้น้ำมีทางระบายลงไปให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีประกาศภาวะอุบัติภัยไปแล้ว ทำให้จังหวัดสามารถใช้เงิน 20 ล้านบาท ดูแลเยียวยาเบื้องต้นให้ทันเหตุการณ์ และยังมีงบกลางที่จะช่วยเรื่องภัยพิบัติ ต้องมาดูว่าอันไหนที่จะป้องกันเพิ่มเติม หรือป้องกันน้ำที่กำลังเข้ามาก็ควรจะทำ และจะเสนอเป็นวาระแห่งชาติ แก้ระยะยาวตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ


นายภูมิธรรม ยังระบุว่า จ.สุโขทัย ถึงเวลาต้องคุยกันถึงเขื่อนแก่งเสือเต้น ที่ผ่านมาสร้างอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่าง 2 ฝ่าย ระหว่างประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ทุกข์ร้อน ต้องจมอยู่กับน้ำขังน้ำหลากเป็นเวลานาน แต่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม ที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และดูแลทุกอย่างให้ครบถ้วน เรื่องนี้ก็ขอให้เป็นประเด็นสาธารณะที่จะพิจารณา และ ครม.จะพิจารณาอย่างถ่องแท้


ทั้งนี้ ได้ประสานงานกับเวิลด์แบงก์ ซึ่งเขาขอเข้ามาดำเนินการ เราก็ให้เขาไปศึกษาผลกระทบ ต้องดูประชาชนที่ได้รับผลกระทบและประชาชนที่ไม่อยากให้มีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้น ว่ามีเหตุผลอะไร มีจำนวนเท่าไหร่ หากมีปัญหาทางกายภาพ การชดเชยเยียวยา เราสามารถทำให้เป็นธรรมกับเขาได้ โดยจะมีการไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ถ้าตรงนี้เป็นที่ยุติสำหรับสาธารณะโดยเร็วที่สุด ซึ่งตนอยากให้เกิดขึ้นภายในปีนี้ ถ้าเกิดสามารถจัดการจบได้ใน ครม.สามารถดำเนินการได้เลย เพราะต้องใช้เวลาอีกหลายปี และเงินที่นำมาแก้ปัญหาอยู่ในระบบที่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างเต็มที่


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/8c6aiwFNBEM

คุณอาจสนใจ

Related News