"จุลพันธ์" ลั่นสถานการณ์ไม่ปกติ - "ภราดร" ฟาดกลับใจท่านไม่ปกติ ลั่นพวกผมไม่ใจแคบ

ช่วงการเสนอเลือกนายกรัฐมนตรี หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายเสนอชื่อนายอนุทิน และนายชัยเกษม เรียบร้อย ก็ถกกันต่อเรื่องจะสามารถอภิปรายผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ และจะให้เวลาเท่าไหร่



เริ่มจากนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เท้าความถึงการเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ตอนนั้นก็มีการถกเถียงกันว่าจะอภิปรายหรือไม่อภิปราย ตอนนั้นฝ่ายเสนอชื่อน.ส.แพทองธาร ใจแคบกว่าผมอีก คือ จะไม่ให้อภิปรายเลย พวกผมใจกว้างพอครับที่จะเปิดให้อภิปราย แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขเรื่องเวลา ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่



นายภราดร ยังเท้าความไปถึงครั้งก่อนว่าตอนนั้น นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บอกเองว่า ไม่ต้องอภิปรายจะอภิปรายไปทำไมข้อบังคับไม่ได้กำหนด "ผมเปิดเทปครับ นั่งฟังกันเนี่ย 3 -4 คน ยังเห้ย เห้ย ฟังผิดหรือเปล่า มาวันนี้ท่านพลิกแล้ว ต้องอภิปรายๆ มันเป็นความจำเป็น ท่านจุลพันธ์ ก็เหมือนกันครับ ครั้งก่อนบอกไม่ต้องอภิปราย คราวนี้กลืนน้ำลายตัวเอง ดังเอื้อกๆ บอกว่าจำเป็นต้องอภิปราย ต้องอภิปราย"



นายภราดร ย้ำว่า พวกผมใจกว้างพอ ผมไม่คัดค้านเลย แต่ต้องกำหนดเวลาที่ชัดเจน และยึดบรรทัดฐาน 1 ชั่วโมง



ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิง และอภิปราย ระบุว่า สถานการณ์ในวันนี้ ทุกคนรู้กันดีว่าไม่ปกติ ในวันที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง สภาก็เลือกผู้มาดำรงตำแหน่งแทน วันนั้นมาด้วยความปกติทุกประการ ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย แตกต่างจากวันนี้ที่สถานการณ์ก็เห็นกันอยู่ว่า ไม่มีกติกากลไกใดที่เป็นไปตามปกติเลย ดังนั้น วันนี้จึงเป็นเหตุอันชอบ ที่ถือว่าเราควรมีการถกและหารือ



รวมถึงวันนั้น น.ส.แพทองธาร ผู้ที่ถูกเสนอชื่อไม่ได้อยู่ในสภา จึงเป็นการไม่ชอบที่จะพูดถึง แต่ในวันนี้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อหนึ่งท่าน และมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ก็นั่งอยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ จึงเป็นการชอบที่สมาชิกจะได้มีการพูดคุยและหารือ



ขณะที่ นายภราดร ลุกขึ้นโต้กลับ บอกว่า ตนเองไม่ได้ขัดข้องเรื่องการอภิปราย แต่อยากให้กำหนดกรอบเวลา พร้อมฝากถึงนายจุลพันธ์ ที่บอกว่า เหตุการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ มองว่า ท่านคิดเองว่ามันไม่ปกติ เพราะ ใจท่านไม่ปกติ เหตุการณ์มันเหมือนกันคือนายกฯ มีอันเป็นไปจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นหน้าที่อันชอบของสภาผู้แทนราษฎรที่จะมาสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ และในสภา ก็ต้องใช้เสียงข้างมากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ปกติพร้อม ย้ำว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ไม่ปกติแต่ประการใด



ส่วนนายจุลพันธ์ ลุกขึ้นตอบอีกครั้ง ขอใช้สิทธิ์พาดพิง บอกว่า ตนเองจิตใจดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส และเรียนด้วยความเคารพว่าสิ่งที่ตนเองพูดเป็นข้อเท็จจริงสถานการณ์ในวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติเรากำลังจะรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งไม่เคยเหตุการณ์ในลักษณะนี้ลงมติไปแล้วแต่มีรัฐบาลที่มีเสียงเพียงแค่ 146 เสียง จาก 500 เสียง จะบริหารประเทศ จะขับเคลื่อนอย่างไร จะให้ความมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติ และภาคเอกชนอย่างไร ย้ำว่า นี่คือสถานการณ์ไม่ปกติที่ตนเอง



ทั้งนี้โดยสรุป กำหนดกรอบเวลาการอภิปราย ฝ่ายละ 1 ชั่วโมง โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่า สามารถเลทได้เล็กน้อย

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/EorUiO_-6XY