เลือกตั้งและการเมือง
ครบ 72 ชั่วโมง หยุดยิงไทย-กัมพูชา นายกฯ เผยยังไม่ทราบปล่อยตัว 18 ทหารกัมพูชา
4 ชั่วโมงที่แล้ว
49 views
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังครบกำหนดเวลาหยุดยิง 72 ชั่วโมง ในการลงนาม Joint Statement ระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ยังไม่ได้ฟังผลการประชุมประเมิน แต่เราก็ทำตามข้อตกลง ส่วนจะปล่อยตัวเชลยศึกเลยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของคนดำเนินการ
สำหรับกรณีที่ สมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาพูดในลักษณะที่ว่าจะไม่ยอมรับการยึดและปักธงของไทย ถือเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ชายแดนไม่ได้สงบจริงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เราถือ ไม่เอาน่ะ เราไปปักธงก็แสดงว่าเรามั่นใจว่านี่คือพื้นที่ของประเทศไทย ก็แค่นั้นแหละ ใครจะไปพูดอะไรก็พูดไป รัฐบาลไทยก็พูดแบบนี้ คนไทยก็พูดแบบนี้
ขณะที่ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ระบุว่า ภาพรวมกระแสสังคมไทยยังเป็นไปในทิศทางบวก ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นในบทบาทของทหารและการดูแลของรัฐบาล โดยเฉพาะการเสียสละของกำลังพล และพลังสนับสนุนจากภาคประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลต่อความจริงใจของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งรัฐรับฟังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรณีการพบทุ่นระเบิดสังหารและสมุดระบุพิกัดวางระเบิด กองทัพยืนยันว่า หลักฐานที่ตรวจพบชี้ชัดถึงความพยายามทำร้ายทหารไทย เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยได้รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ และดำเนินการผ่านกลไกสากลตามมาตรฐานที่เหมาะสม
ส่วนการพบโดรนจำนวนมากตามแนวชายแดน ถือเป็นประเด็นความมั่นคงที่ฝ่ายไทยให้ความสำคัญสูงสุด กองทัพได้ประเมินสถานการณ์และใช้มาตรการที่จำเป็น ได้สัดส่วน และยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ต่อข้อกังวลของประชาชนบางส่วนที่มองว่ารัฐ “อ่อนข้อ” ให้กัมพูชา กองทัพชี้แจงว่า การเจรจาและการหยุดยิงเป็นเครื่องมือเพื่อลดความสูญเสีย ไม่ใช่การยอมจำนน ไทยยังคงตรึงกำลัง เฝ้าระวัง และพร้อมปกป้องอธิปไตยตลอด 24 ชั่วโมง โดยมิติการทูตและการทหารเดินไปพร้อมกันอย่างสมดุล
ในประเด็นบทบาทของจีนนั้น กองทัพ ระบุว่า จีนสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมของ GBC ในฐานะประเทศที่ส่งเสริมเสถียรภาพของภูมิภาค ไทยรับฟังทุกข้อเสนอ แต่การตัดสินใจยึดผลประโยชน์ชาติ ความโปร่งใส และอธิปไตยของไทยเป็นหลัก
หากครบกำหนด 72 ชั่วโมงของการหยุดยิง ฝ่ายไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีการยั่วยุหรือละเมิดข้อตกลง ไทยมีสิทธิและความพร้อมในการปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้กระบวนการเจรจาเดินหน้าต่อ เพื่อคืนความสงบสุขตามแนวชายแดน และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
กรณีที่กัมพูชานัดประชุม JBC อย่างเร่งด่วน สะท้อนว่ากลไกทวิภาคียังทำงาน ไทยพร้อมเข้าร่วมภายใต้ที่ไม่กระทบอธิปไตย ยึดหลักความสมัครใจ ความเท่าเทียม และความปลอดภัยในพื้นที่
ต่อคำแถลงของฝ่ายกัมพูชาที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยนั้น กองทัพ ย้ำว่า ไทยยึดข้อเท็จจริงและหลักฐาน ไม่โต้ตอบด้วยอารมณ์ การสื่อสารมุ่งสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีสากล และเปิดกว้างต่อการตรวจสอบที่เป็นธรรม
ขณะที่ท่าทีจากนานาชาติ เช่น สหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการลดความตึงเครียด ไทยยินดีต่อการสนับสนุนสันติภาพ แต่การตัดสินใจทุกอย่างยังคงตั้งอยู่บนอธิปไตย และผลประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นที่ตั้ง
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทหารกัมพูชา ,เชลยศึก ,ชายแดนไทยกัมพูชา