เลือกตั้งและการเมือง
“โรม” ซัดรัฐบาล ตบหน้า-เหยียบย่ำ ปชช. ตั้ง “ธนดล” ชี้ “อนุทิน” มีแค่ลมปาก ดีแต่พูด ปราบสแกมเมอร์
4 ชั่วโมงที่แล้ว
24 views
“โรม” ซัดรัฐบาล ตบหน้า-เหยียบย่ำประชาชน ตั้ง “ธนดล” ทนายเบน สมิธ เป็นข้าราชการการเมือง ชี้ “อนุทิน” มีแค่ลมปาก ดีแต่พูด เซ็นเซ็คเปล่า ไม่เอาอะไรแล้ว - ไม่ให้ความสำคัญ ปราบสแกมเมอร์ มองเป็นเรื่องน่าเศร้าและหดหู่สำหรับไทย
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม คณะกรรมาธิการฯ ว่า เป้าหมายของการตรวจสอบคนแรกคือ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ที่จากการตรวจสอบพบว่ามีหลายสัญชาติ แต่การขอสัญชาติไทย เจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนคำร้องไปแล้วเนื่องจากพบว่า มีความพยายามตกแต่งการยื่นบัญชีภาษี ทำให้เขาเงื่อนไขและไม่สามารถขอสัญชาติได้
ส่วนประเด็นของก๊กอาน ที่มีสัญชาติและถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทย ได้ข้อสรุปว่าหลังจากนี้ จะมีการถอนถิ่นที่อยู่ถาวรที่อยู่ในไทย และปัจจุบันก๊กอานยังมีหมายแดงของอินเตอร์โพล ถึง 3 หมาย ต้องดูว่าหลังจากนี้นายอนุทินชาญวีรกุลนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีการประสานกับกัมพูชาเพื่อส่งตัวก๊กอาน มาดำเนินคดีในประเทศไทยอย่างไร ขณะที่กรณีของนาย ลี ยงพัด ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเรื่องในการถอนสัญชาติ และอยู่ระหว่างการยึดและอายัดทรัพย์สินต่อไป ขณะที่นายยิม เลียก ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. มีเพียงข้อมูลเก่าที่เคยยึดและอายัดทรัพย์ แต่ก็มีการถอนยึดและอายัดไปแล้ว แต่ก็จะมีการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ง.ไม่ เคยพูดมาก่อนว่าไม่สามารถริเริ่มอะไรได้ด้วยตนเองต้องมีคดีมูลฐานก่อน แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า ป.ป.ง.ได้เริ่มนับ 1 แต่ไม่สามารถลงรายละเอียดได้เพราะข้อมูลบางอย่างเป็นข้อมูลลับ ซึ่งหลังจากนี้กรรมาธิการจะทำหนังสือ โดยรวบรวมรายชื่อบุคคลต่างๆ รวม 43 คน ซึ่งมีข้อมูลว่าทั้ง 43 คน ที่แบ่งเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ส่งให้หน่วยงานต่างๆเพื่อตรวจสอบ และขึ้นแบล็คลิส เป็นบุคคลที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ และตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์มากน้อยแค่ไหน ขณะที่กรณีของ "Prince Group" ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบแต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยต้องยอมรับว่าหน่วยงานต่างๆยังไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่จะเป็น แต่ก็มีความคาดหวังว่าจะได้เห็นความก้าวหน้ามากกว่านี้
นอกจากนี้วันนี้กรรมาธิการยังได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร B.I.C. ทั้งนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พลตำรวจเอกวิสณุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และนายรีวิน เพทายบรรลือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด แต่กลับได้รับความร่วมมือ เพียงแค่ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการด้วยตัวเอง ซึ่งให้ข้อมูลหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ และเคลียร์ค่อนข้างเยอะ เบื้องต้นข้อมูลสอดคล้องกับที่กรรมาธิการได้มา แต่กรรมธิการก็พยายามสอบถามถึงความเชื่อมโยง ของธนาคาร B.I.C. กับบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรจากประเทศอังกฤษเนื่องจากเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ แต่นายสถิตย์พงษ์ก็ยืนยันว่าไม่ทราบ และตนเองมาเป็นประธานกรรมการเพียงแค่ 1 ปี ส่วนกรณีของนายยิม เลียก นายสถิตย์พงษ์ระบุว่า ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัวเพียงแต่ รู้จักกับพ่อของนายยิม เลียกเท่านั้น
ขณะที่นายวรภัค ได้ทำหนังสือชี้แจง มายืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคาร B.I.C. เช่นเดียวกับนายอารีพงศ์ ที่ทำหนังสือยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ข้อมูลที่กรรมาธิการได้มาค่อนข้างมีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบต่อไปได้แต่ตนไม่สามารถลงรายละเอียดได้
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่ากรรมาธิการจะยังคงติดตามเรื่องนี้ต่อในสัปดาห์หน้า กำลังเล็งอยู่ว่าหนึ่งในธุรกิจที่เกี่ยวพันคือ บริษัท ฮุย วัน เพย์ ซึ่งพบว่า มีทรัพย์สินที่เกี่ยวพันกับประเทศไทย ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าเป็นเงินที่เกี่ยวพันกับสแกมเมอร์
เมื่อถามว่าในอนาคตจะเชิญใครมาชี้แจงต่อกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯอีกบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แน่นอนว่าคงไม่พ้นนายกรัฐมนตรี นอกจากร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือก็มีนายกรัฐมนตรีอีกคน อย่างวันนี้นายกรัฐมนตรีก็ระบุว่า มีการเซ็นเช็คป่าวเพื่อสนับสนุนการปราบสแกมเมอร์ ให้กับหน่วยงาน แต่เมื่อถามไปยัง ป.ป.ง. ว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมอะไรบ้าง ป.ป.ง.กลับตอบไม่ได้ พูดง่ายๆคือนายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการเป็นการเฉพาะเจาะจง ดังนั้นปัญหาอย่างหนึ่งคือฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง ทำให้การแก้ปัญหาทุนสีเทาเป็นไปด้วยความล่าช้า ยังไม่นับในเรื่องของความเชื่อมั่น ที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล อย่างเมื่อวาน (4 พ.ย 68) ก็มีการตั้ง นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความของเบนสมิธ และ อดีต ที่ปรึกษาร้อยเอกธรรมนัส มาเป็นข้าราชการการเมือง ถึงแม้จะบอกว่าเป็นโควต้าของพรรคการเมือง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุใดนายกรัฐมนตรีไม่คิดจะห้ามปรามหรือดำเนินการที่ตั้ง ที่ปรึกษาหรือทนายความของ นายเบน สมิธ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีตำแหน่งที่สูง ในขณะนี้ต่างประเทศยังมองไทยว่าเป็นพันธมิตรในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ แต่หากยังล่าช้าและปล่อยปัญหานี้เกิดไปเรื่อยๆ วันข้างหน้าก็อาจจะถูกมองว่าไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ โดยมีฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้อง การตั้งที่ปรึกษาของร้อยเอกธรรมนัส หรืออีกหนึ่งบทบาท คือทนายความของเบนสมิธ ถือว่า เป็นการตบหน้าประชาชนอย่างชัดเจน และเป็นการเหยียบย่ำว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างแท้จริง สุดท้ายก็เป็นแค่เพียงลมปาก ที่ดีแต่พูดแต่ไม่ได้นำพาไปสู่การแก้ปัญหาอย่างที่ควรจะเป็น ปัญหาสแกมเมอร์ก็จะไม่จบ เพราะหน่วยงานต่างๆก็ต่างคนต่างทำ แต่ไม่มีการทำงานสอดประสานกัน หรือมียุทธศาสตร์ที่นำไปสู่การทำลายล้างโครงสร้างอาชญากรข้ามชาติอย่างที่ควร ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้ไม่เอาอะไรแล้ว ทำให้ปัญหาสแกมเมอร์ย่ำอยู่กับที่ แต่ขณะที่ต่างชาติอย่างสิงคโปร์ และไต้หวันกลับมีความคืบหน้า ต่างจากประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าหดหู่สำหรับประเทศไทย ในการต่อต้านและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อถามว่าจะมีการเชิญบุคคลที่รู้จักกับนายเบน สมิธ และนาย ยิม เลียก อย่าง นางแคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเบน สมิธ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า อย่างที่เห็นว่าเราไม่ได้รับความร่วมมือ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเชิญ นางแคทรียาหรือนายเบน สมิธ หรือ นายยิม เลียก มาหรือไม่แต่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ส่วนอนาคตจะมีการเชิญบุคคลเหล่านี้มาหรือไม่ก็ไม่ได้ปิดกั้น
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า เราทราบข้อมูลนี้ แต่สิ่งที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด คือให้หน่วยงานรัฐไปดำเนินการ เพราะมีเครื่องไม้เครื่องมือมากกว่ากรรมาธิการ และตอนนี้เราก็ได้เจอข้อมูลใหม่ คือ ฮุย วัน เพย์ ซึ่งถูกแบล็กลิสต์จากสหรัฐอเมริกา และเราก็ยังเจอกองทุน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อฮุย วัน เหมือนกัน โดยบุคคลที่เป็นผู้บริหารกองทุน ที่สวิตเซอร์แลนด์ กับบริษัทจัดการกองทุน Capital Asia Investments หรือ CAI และมีการดีแคร์ที่สหรัฐอเมริกาพบว่านางแคทลียา เกี่ยวข้องกับบริษัท CAI และผู้บริหาร CAI คือผู้บริหาร กองทุน ฮุย วัน ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทางการไทยก็พอมีข้อมูลอยู่แล้ว โดยตำรวจสอบสวนกลาง พบว่าฮุย วัน เป็นเครือข่ายทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ วันนี้ไทยมีข้อมูลแต่การดำเนินการยังไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ดำเนินการได้ และแม้ว่ากรรมาธิการจะพยายามหาข้อมูล เชื่อมโยงตัวละครที่เกี่ยวข้องแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความยากลำบากในการหาข้อมูล
แท็กที่เกี่ยวข้อง รังสิมันต์โรม ,ธนดล สุวัณณะฤทธิ์