เลือกตั้งและการเมือง
โฆษกเพื่อไทยจี้รัฐบาลพูดความจริง MOU แรร์เอิร์ธ ลั่น ผลงานในเอเปคเกินจริง ทั้งเป็นผลจากยุคเพื่อไทย
9 ชั่วโมงที่แล้ว
91 views
โฆษกเพื่อไทย จี้ รัฐบาลเปิดเผยความจริง “MOU แร่แรร์เอิร์ธ” ชี้ ขาดความโปร่งใส-ไร้ทิศทาง สั่นคลอนความน่าเชื่อถือประเทศ ซัด สร้างผลงานเอเปคเกินจริง บอก ทั้งหมดเป็นผลต่อเนื่องยุคเพื่อไทย ไม่เห็นนโยบายใหม่ มองวิสัยทัศน์ผู้นำเจรจายังไม่ผ่าน-ห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวในหัวข้อ “สร้างภาพ กลบความล้มเหลว นโยบายการต่างประเทศที่ผิดพลาด” โดยตั้งคำถามต่อรัฐบาลในสองประเด็นสำคัญ ได้แก่ การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ด้านแร่หายาก (Rare Earth) และผลการประชุมเอเปคของรัฐบาล ว่า กรณีการลงนาม MOU แร่หายาก โดยพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่หายากเป็นเรื่องดี เพราะสามารถนำพาไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำกลับขาดทั้งความโปร่งใสและการวางยุทธศาสตร์รอบด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและผลประโยชน์ของชาติ
การสำรวจแหล่งแร่หายาก ควรเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาว เพื่อวางรากฐานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด แต่ในขณะเดียวกันต้องควบคู่กับการวางแผนป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ แต่วิธีการของรัฐบาลกลับสร้างผลกระทบในสองด้านหลัก ได้แก่ 1. ความโปร่งใสต่อประชาชนและการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และ 2. ความน่าเชื่อถือของประเทศและจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ในสายตานานาชาติ
นายศึกษิษฏ์ ยังกล่าวว่า โดยปกติเอกสารที่เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลัง ครม. มีมติรับทราบหรือเห็นชอบแล้ว จะถูกปลดชั้นความลับ และเผยแพร่ในเว็บไซต์ ยกเว้นกรณีที่มีคำสั่งให้เก็บเป็นความลับ
“แต่ครั้งนี้ ประชาชนทราบเรื่อง เพราะฝ่ายสหรัฐฯเปิดเผยเอกสาร ขณะที่รัฐบาลไทยกลับไม่มีคำชี้แจงใด ๆ ประชาชนไม่มีโอกาสถกเถียงข้อดีข้อเสีย หรือผลกระทบของข้อตกลงเลย” นายศึกษิษฏ์ กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุอีกว่า ตนพยายามค้นหาข้อมูลจากช่องทางทางการแต่ไม่พบเอกสาร MOU ดังกล่าว และไม่สามารถทราบได้ว่าหน่วยงานใดให้ข้อสังเกตหรือจัดทำแผนป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมไว้หรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่าถ้าเอกสารที่ลงนามกับมหาอำนาจยังปิดเป็นความลับต่อประชาชน แล้วจะมีอะไรอีกที่รัฐบาลทำแบบลับๆ โดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่
นายศึกษิษฏ์ ยังมองว่า รัฐบาลไม่ได้สานต่อการแก้ปัญหาการปนเปื้อนจากเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยเจรจาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และได้อนุมัติแนวทางฝายดักตะกอน เพื่อควบคุมการปนเปื้อนในลำน้ำชายแดนไว้แล้ว รัฐบาลชุดนี้กลับปล่อยปละละเลย ทั้งที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยตรง
การที่รัฐบาลออกมาระบุว่าสามารถ ยกเลิก MOU ได้ทุกเมื่อเป็นการส่งสัญญาณลบต่อสายตานานาชาติ เพราะสะท้อนถึงความไม่มั่นคงทางนโยบาย นี่คือการบอกโลกหรือไม่ว่า ประเทศไทยไม่มีจุดยืน หรือเราเลือกข้างในภูมิรัฐศาสตร์นี้ไปแล้ว” โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ
นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า ความไม่ชัดเจนและการสื่อสารไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาลกับเนื้อหาใน MOU อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว สุดท้าย แทนที่ประเทศและประชาชนจะได้ประโยชน์ กลับเสียทั้งความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและชื่อเสียงของประเทศ
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึง การประชุมเอเปค ว่า รัฐบาลพยายามแสดงผลงานเกินจริง ทั้งเรื่องการดึงดูดการลงทุน การเพิ่มโควต้าขายข้าวให้จีน การเป็นเจ้าภาพประชุม World Bank – IMF Annual Meetings และบอกว่าประเทศไทยกลับมาสู่เรดาร์ของโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่วางและผลักดันเอาไว้ตั้งแต่ สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องถึงนางแพทองธาร ชินวัตร ส่งผลให้ไทยมีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ ปี 2568 มียอดลงทุนกว่า 795,000 ล้านบาท และปีปัจจุบันมียอดคำขอเกิน 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมใหม่และเชื่อมโยง SMEs เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน
ส่วนโควต้าขายข้าวให้จีน 500,000 ตัน ก็เป็นผลจากการเจรจาที่ดำเนินต่อเนื่องมาจากสมัยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เช่น เดียวกับการเป็นเจ้าภาพประชุม World Bank–IMF Annual Meetings ก็เป็นผลจากการหารือของทีมที่ปรึกษาที่บ้านพิษณุโลกในรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งวางแผนยกระดับโลจิสติกส์ควบคู่กับการลงทุนในรถไฟรางคู่และนโยบาย “20 บาทตลอดสาย” เพื่อดึงประชาชนเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะ ถ้ารัฐบาลนี้บอกว่ามีมืออาชีพมาบริหาร ทำไมไม่มีอะไรเสนอเป็นของตัวเองเลยใช้งบประมาณไปเท่าไร แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมา
สิ่งที่เห็นได้กลับทาคือ MoU แรร์เอิร์ธ และการไปเจรจาผูกมัดเรื่อง Entertainment Complex แทนที่จะไปเน้นการปราบปรามทุนสีเทา แก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ หรือเร่งเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานขนส่งระหว่างประเทศ
โฆษกพรรคไทย กล่าวว่า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า วิสัยทัศน์ของผู้นำในการเจรจาและกำหนดจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังไม่ผ่าน ยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ อย่างที่หลายคนชื่นชม
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวการเมือง ,เพื่อไทย