เลือกตั้งและการเมือง
“นายกฯ อนุทิน” ลั่น เปิดด่านเป็นเรื่องสุดท้าย รอประเมินข้อตกลง 4 ข้อ
27 ต.ค. 2568
66 views
“นายกฯ อนุทิน” ลั่น เปิดด่านเป็นเรื่องสุดท้าย รอประเมินข้อตกลง 4 ข้อ ชี้ต้องให้ “กัมพูชา” ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงไทยก่อน
วันที่ 27 ต.ค.เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงนาม ปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นสักขีพยาน ว่า ก็เป็นการลงนามในปฏิญญา ซึ่งก็ต้องถือโอกาสนี้อธิบายก่อนว่านี่ไม่ใช่สัญญาสงบศึกหรือสัญญาสันติภาพใดๆ แต่เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของทั้ง 2 ประเทศ ที่เป็นคู่กรณีกันว่าแต่ละประเทศจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในปฏิญญานั้นอย่างไร เพื่อที่จะนำไปสู่การปรับปรุง และฟื้นฟูสัมพันธภาพที่ทดถอยลงไปเป็นอันมาก
หลังจากที่กัมพูชาเริ่มขยับถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเพราะในข้อตกลงที่เป็นข้อตกลงหลัก 4 ข้อ ที่ตนเองเคยได้เปิดเผยไปหลายครั้งแล้ว ทั้งการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และต้องมีการจัดการเรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะสแกมเมอร์ และต้องมีการบริหารสถานการณ์ในพื้นที่ทับซ้อน เช่น บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ให้มีความชัดเจน โดยที่ฝ่ายทางกัมพูชาจะต้องเป็นผู้เริ่มก่อน เพราะฝ่ายไทยได้ดำเนินการไปหมดแล้ว และไม่ได้เป็นผู้ที่ละเมิดหรือรุกรานเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยมีอยู่ก็คือหากทางกัมพูชาได้ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะทำการคืนตัวผู้ที่เราควบคุมตัวอยู่ 18 คนเร่งดำเนินการส่งคืนให้กับกัมพูชาไป ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตหรือการเปิดด่านนั้นยังอยู่ในลำดับท้ายๆ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายท้ายได้ประเมินแล้ว และต้องมีความเชื่อมั่น ว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาต่อความมั่นคงของประเทศไทยลดลงไปในระดับที่ไม่มีความเป็นภัยเกิดขึ้นแล้วจึงจะมาเริ่มฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้น
ส่วนกระแสตอบรับของประเทศสมาชิกอาเซียน นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเองได้รับการสนับสนุน และเชียร์จากเพื่อน ๆ ในกลุ่มอาเซียนทุกประเทศการที่ประธานอาเซียน ดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เป็นผู้ที่ลงนามในสักขีพยานด้วย ก็ต้องถือว่าเป็นการลงนาม ในนามของภาคีสมาชิกอาเซียนทุกประเทศอยู่แล้ว ในการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประชุมได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาให้มีการเร่งแก้ไขคืนสู่ภาวะที่เป็นปกติให้เร็วที่สุด โดยประธานที่ประชุมในยกขึ้นมาเป็นอันดับแรก และประกาศในที่ประชุมทันทีว่าความคาดหวังที่จะเกิดในที่ประชุมครั้งนี้ คือ การที่ทั้งไทยและกัมพูชาจะได้มาลงนามในปฏิญญาการแสวงหาสันติภาพด้วยกัน โดยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาร่วมเป็นพยานด้วย ดังนั้น ไม่ใช่แค่เฉพาะอาเซียนที่รับทราบปฏิญญานี้ แต่ยังมีประเทศนอกภาคีมาร่วมลงนามด้วย ทำให้ทั้งโลกได้รับรู้รับทราบ และสนับสนุนให้เกิดความสงบความสันติในภูมิภาคนี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวการเมือง ,ชายแดนไทยกัมพูชา