"ทรัมป์" อวยตัวเองเก่งมาก ทำข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ลงนามในคำประกาศสันติภาพอย่างเป็นทางการ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา เป็นสักขีพยาน

พิธีการลงนามเริ่มต้นด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเขาได้กล่าวแสดงความเสียใจกับคนไทย ต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง

ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวถึง สมเด็จพระพันปีหลวงของประเทศไทย ว่าเป็นสตรีที่งดงามและน่าทึ่ง พระองค์ท่านทรงเป็นที่เคารพนับถือทั่วโลก ตนรู้ว่าชาวไทยจะจดจำพระองค์ตลอดไปในฐานะศูนย์รวมแห่งเกียรติยศ ความมีเมตรตา และความสง่างาม ทรัมป์ย้ำว่า คำประกาศนี้จะนำพรแห่งสันติภาพมาสู่ประเทศชาติที่พระองค์ทรงรักยิ่ง

จากนั้น ทรัมป์ ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย สำหรับบทบาทของเขาในสิ่งที่ทรัมป์เรียกว่า “ข้อตกลงประวัติศาสตร์” ระหว่างผู้นำ "ผู้กล้าหาญ" ของไทยและกัมพูชา และเสริมว่าการลงนามนี้ จะช่วยชีวิตผู้คนได้หลายล้านคน

ทรัมป์ ยังกล่าวอีกว่า ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันหลายครั้งระหว่างผู้นำทั้ง 4 ประเทศ หลังเกิดเหตุการณ์นองเลือดระหว่างไทยและกัมพูชา ในเดือนกรกฎาคม แต่รัฐบาลของเขาก็สามารถหยุดยั้งเหตุการณ์นี้ได้

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาเก่งมากในการทำข้อตกลงสันติภาพ โดยให้เหตุผลว่า เขาเก่งกว่าสหประชาชาติมาก

ต่อมา นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อ โดยเขาได้ขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ช่วยสนับสนุนการลงนามคำประกาศสันติภาพนี้ และบอกว่าโลกต้องการผู้นำที่สนับสนุนสันติภาพอย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้ นายกฯ อันวาร์ ยังขอบคุณนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ที่เข้าใจถึงความจำเป็นในการรับรองสันติภาพเพื่อปกป้องประชาชน

ด้าน นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา ได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สำหรับความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด และความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อสร้างสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาให้เป็นจริง ไม่ว่าข้อพิพาทจะยากลำบากและซับซ้อนเพียงใด ก็ต้องได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธี

นายกฯ กัมพูชา ยังขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ให้ความช่วยเหลือในการทำข้อตกลง รวมถึงยังขอบคุณอาเซียน, จีน, และชาติพันธมิตรอื่นๆ ที่สนับสนุนการหยุดยิงตั้งแต่แรก และกล่าวว่าเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปฏิญญาร่วมนี้

นอกจากนี้ นายกฯ กัมพูชา ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การลงนามคำประกาศสันติภาพในวันนี้ จะทำให้ไทยปล่อยตัวทหาร 18 คน ที่เป็นเชลยศึก

นายกฯ ฮุน มาเนต ยังกล่าวต่อหน้าประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าเขาได้เสนอชื่อประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เพราะสันติภาพช่วยรักษาชีวิตของผู้คน

ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า วันนี้ เป็นวันเริ่มต้นบทใหม่ระหว่างไทยกับกัมพูชา วันนี้ พวกเรากำลังก้าวเดินไปสู่สันติภาพอย่างเป็นรูปธรรม และขอบคุณนายกฯ อันวาร์ สำหรับการเป็นประธานอาเซียน และความพยายามที่แข็งแกร่งในการยึดหลักความเป็นเอกภาพของอาเซียน

นายกฯ อนุทิน ได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อุทิศตนเพื่อสร้างสันติภาพให้กับพวกเราสองประเทศ และแสดงความเสียใจกับประเทศของเราต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ผู้เป็นที่รักของปวงชนชาวไทย

เราเดินทางมาไกลนับตั้งแต่การตกลงหยุดยิงที่นี่ในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม การหารือตั้งแต่นั้นมา ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สำคัญนี้ ซึ่งก็คือการลงนามในคำประกาศร่วมกันในวันนี้ ตนขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต สำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนของท่านที่นำเรามาสู่ช่วงเวลานี้

นายกฯ อนุทิน ย้ำว่า ไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพ คำประกาศนี้สะท้อนถึงเจตจำนงของเราในการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ โดยเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างสมบูรณ์ หากคำประกาศนี้ได้รับการปฏิบัติตามอย่างรูปแบบ ก็จะเป็นรากฐานสำคัญสู่สันติภาพที่ยั่งยืน แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือการเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ชุมชนตามแนวชายแดนต้องแตกแยกจากความขัดแย้ง และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเผชิญกับการสูญเสียอย่างมหาศาล คำประกาศนี้ได้มอบความรับผิดชอบอันหนักแน่นให้ทั้งสองฝ่ายต้องลงมือทำ

นายกฯ อนุทิน ยังกล่าวอีกว่า หลังจากการลงนามในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนโดยทันที เพื่อรับประกันความปลอดภัยของประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ และประเทศไทยจะเริ่มกระบวนการปล่อยตัวทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 18 นาย