เลือกตั้งและการเมือง

โฆษก กต. ยันไทยจะไม่เปิดด่านตามข้อเรียกร้อง "ฮุนเซน" พร้อมร่วมมือนานาประเทศ ปราบสแกมเมอร์

16 ต.ค. 2568

55 views

16 ต.ค. 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ ว่าไทยยินดีต่อการประกาศมาตรการของสหรัฐฯ ในการปราบปรามเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามของไทยในการทำงานร่วมกับประเทศและภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและดำเนินการกับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงออนไลน์และศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในภูมิภาคและภายนอก และเชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติที่ร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับ และการฟอกเงิน พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาระหว่างไทยกับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาระดับอนุภูมิภาค ปัญหาภูมิภาค และปัญหาโลก ทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลลับ ระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยและสหรัฐฯ

เช่นเดียวกับ กรณีที่เกาหลีใต้ กำลังเริ่มมาตรการในการปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ชุดพิเศษลงพื้นที่ไปยังกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา นายนิกรเดช ระบุว่า ปัญหานี้ไทยเป็นผู้เปิดประเด็น เพราะไทยมีความจริงจัง เรื่องเรื่องการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ ถือว่าเป็นการเปิด ให้นานาประเทศรู้ ว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นจริง และที่ผ่านมาประเทศไทยเคยให้ความช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ไว้เป็นจำนวนมาก พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมามีหลายประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ ประสานขอความร่วมมือจากฝ่ายไทย ทั้งการขอข้อมูลเชิงลึก ขอความช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นถือว่าการแก้ไขปัญหานี้มีความร่วมมือกับนานาประเทศมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แต่เฉพาะเกาหลีใต้เท่านั้น ส่วนการที่เกาหลีใต้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในกัมพูชาก็เป็นการดำเนินการของฝ่ายเกาหลีใต้เอง แต่เชื่อว่าน่าจะมีการประสานข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทยแล้วด้วยเพื่อดำเนินการดังกล่าว

นายนิกรเดช ย้ำว่า ไทยและเกาหลีใต้ ก็จะมีโอกาสร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหานี้ด้วย ที่ผ่านมาไทยได้ดำเนินการมานานภายใต้กรอบกลไกทวิภาคีที่จะดำเนินการกับกัมพูชา ทั้งGBC , RBC ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหากิจกรรมข้ามชาติ พร้อมย้ำอีกว่าการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการลงพื้นที่ในประเทศกัมพูชาไทยได้ดำเนินการมานานแล้ว แต่ในอนาคตอาจจะมีการหารือร่วมกับเกาหลีใต้ เพื่อหาแนวทางการแก้แก้ไขปัญหาเพิ่มเติมอีก พร้อมยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาและร่วมมือกับทุกประเทศในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะที่ไทยสามารถผลักดันวาระนี้เข้าเป็นหนึ่งในประเด็นการหารือในเวทีของอาเซียนได้ และตอนนี้ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ เริ่มเข้ามามีบทบาทและแสดงความคิดเห็น และประเทศไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนทุกประเทศอยู่แล้ว

นายนิกรเดช เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะไม่เปิดด่านผ่านแดน บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ตามข้อเสนอที่สมเด็จ ฮุนเซ็น ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทย ดำเนินการภายในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ โดยยืนยันว่า ไม่มีเรื่องนี้อยู่ในสารบบและการพิจารณาใด ๆ ของฝ่ายไทยในขณะนี้เลย พร้อมระบุว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยยังคงพิจารณาตามแนวทาง 4 ข้อเสนอหลัก คือ ขอให้ฝ่ายกัมพูชาถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ประสานความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน ปราบปรามขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ข้ามแดน และดำเนินการจัดการพื้นที่ชายแดนร่วมกัน และย้ำว่าเป็นการเรียกร้อง เนื่องจากต้องการเห็นความจริงใจและสุจริตในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าท่าทีที่ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้ดำเนินการเปิดด่าน เป็นการแสดงความร้อนรนหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลจะมีมุมมอง ความเห็น หรือตีความแตกต่างกันออกไป แต่ย้ำว่าทางออกของความขัดแย้งระหว่างกันยังคงมีขั้นตอนที่ชัดเจน และไทยยังคงพร้อมที่จะร่วมมือและหารือกับกัมพูชาอย่างสร้างสรรค์ในกรอบทวิภาคี เพื่อร่วมเดินหน้าไปด้วยกันอย่างสันติ ซึ่งยังคงเป็นจุดยืนของไทย ตั้งแต่วันแรกที่เกิดความขัดแย้งขึ้นจนถึงวันนี้ ไทยเลือกเส้นทางของสันติวิธีและความร่วมมือบนพื้นฐานของความจริงใจและสุจริตใจ หากกัมพูชาจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่เส้นทางของความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ก็ขอให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการตามข้อเรียกร้องของฝ่ายไทยทั้ง 4 ข้อเสียก่อน

นายนิกรเดช กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU43 ภายใน 3 เดือน และหากประเทศไทยเข้าร่วมประชุมการคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission) หรือ JBC ระหว่างไทยและกัมพูชาในวันที่ 21 ตุลาคมจะทำให้ ไทยเสียสิทธิ์การยกเลิก MOU ฉบับดังกล่าว ว่า กระทรวงการต่างประเทศเริ่มอธิบายและให้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด แบบไม่ได้ชี้ไปในทางใดทางหนึ่งทุกอาทิตย์จะมีกำหนดการสื่อสารหลายช่องทางเพื่อให้ข้อมูลให้ประชาชนได้เข้าใจ ก่อนการจะมีการทำประชามติในปลายปีนี้ กระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้องให้ข้อมูลที่เป็นกลางที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถมีข้อมูลมากที่สุดก่อนจะไปพิจารณาลงคะแนน ส่วนประชาชนจะเลือกหรือตัดสินใจอย่างไร ไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศ

ส่วนการประชุม JBC ก็เป็นกลไกที่เราพยายามจะให้มีกลไกทวิภาคีดำเดินอยู่ ไม่งั้นปัญหาความขัดแย้งของไทยและกัมพูชา จะไม่มีกลไกอะไรที่เอามารองรับและแก้ไขปัญหา จึงเป็นเหตุให้มีกลไกของJBC ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยได้มีหนังสือเชิญไปที่กัมพูชา แต่ก็ยังมีการตอบรับมาแต่อย่างใด

นายนิกรเดช ยังย้ำว่า กระบวนการเจรจาของ JBC ไม่เกี่ยวกับการที่ประเทศไทยจะเสียสิทธิ์การยกเลิก MOU43 แต่อย่างใด

คุณอาจสนใจ

Related News