เลือกตั้งและการเมือง
“โรม” ชี้ส่งหนังสือเชิญ “ธรรมนัส” ไม่ได้เชิญ “ธนดล” แจงสัมพันธ์ “เบน สมิธ” ลั่นพอสักทีเล่นงานคนแฉ
9 ต.ค. 2568
45 views
“โรม” ชี้ส่งหนังสือเชิญ “ธรรมนัส” ไม่ได้เชิญ “ธนดล” แจงสัมพันธ์ “เบน สมิธ” บอก กมธ.มีข้อมูลเยอะเอี่ยวทุนเทา ลั่นพอสักทีเล่นงานคนแฉ จะดิสเครดิตผม ต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ เสียดายหน่วยงานยังไร้ข้อมูลคอลเซ็นเตอร์ ห่วงชาวบ้านถูกเกณฑ์สแกนม่านตารับเงินดิจิทัล พบเป็นบริษัทของพาร์ทเนอร์ “เบน สมิธ”
วันที่ 9 ต.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีเชิญร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าชี้แจงกรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธว่า ในการพิจารณาของ กมธ.ครั้งนี้ ตนเองหนังสือที่ได้เชิญร้อยเอกธรรมนัส นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เชิญในลักษณะที่เป็นตัวท่านเลย เขียนชัดเจนว่าให้มาด้วยตนเอง ดังนั้นการจะมอบท่านอื่นมา เราไม่สามารถตอบรับได้ ทราบเป็นหนังสือว่าร้อยเอกธรรมนัสจะมีการมอบให้ทีมทนายความมา จึงได้สั่งการให้กับเลขาฯ ว่าร้อยเอกธรรมนัสต้องมาด้วยตนเองเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้ผู้แทนของร้อยเอกธรรมนัสหรือใครก็ตามเข้าประชุมได้ เนื่องจากไม่ใช่บุคคลที่ถูกเชิญ เรื่องง่ายมาก ตนเองเชิญร้อยเอกธรรมนัส ไม่ได้เชิญนายธนดล
ส่วนที่นายธนดล ระบุว่าได้รับหนังสือมอบอำนาจมีหนังสือแต่งตั้งชัดเจน นายรังสิมันต์ ชี้แจงว่าเราทำหนังสือเชิญให้มาเข้าร่วมการประชุม ร้อยเอกธรรมนัส นางนฤมล และนายไชยชนกเป็นรัฐมนตรี เราก็ให้เกียรติท่าน จะให้ออกอำนาจเรียกทันทีก็อาจจะเกินความจำเป็น เพราะการใช้อำนาจเรียกปกติแล้วตามแนวทางที่ทำกันมาจะใช้ก็ต่อเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ ร้อยเอกธรรมนัสให้สัมภาษณ์ตลอดว่า พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ไม่เห็นมีเหตุความจำเป็นอะไรที่จะใช้อำนาจเรียกที่จะต้องขอมติที่ประชุม กมธ.
การออกหนังสือเชิญถือเป็นการทอดไมตรีให้ร้อยเอกธรรมนัสชี้แจงเอง เนื่องจากมีคนเข้าใจท่านผิดเยอะ ท่านจะได้ชี้แจง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านถึงไม่มาหากไม่มา วันนี้มีเหตุผลพอฟังแล้วอธิบายได้คือ ติดภารกิจอะไรแล้วจะมาเมื่อไร มีความจำเป็นที่จะต้องบอกเรา เราจะได้จัดการให้ กมธ.พร้อมอำนวยความสะดวกในวันที่เหมาะสม แต่วันนี้เราไม่ได้รับคำตอบอะไร ตนเองค่อนข้างแปลกใจ เพราะร้อยเอกธรรมนัสเป็น สส.มาหลายสมัย น่าจะรู้ว่ากระบวนการของ กมธ.ทำงานอย่างไร ถ้าเป็นหนังสือเช่นนี้ก็ควรรู้ว่าไม่ควรจะส่งใครมา อย่างไรก็ตามจะมีการเชิญรอบที่สองแน่นอน โดยจะกำหนดวันเวลาอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามที่นายธนดล กล่าวว่านายเบน สมิธกับนายเบน ที่นายรังสิมันต์อภิปรายถึงเป็นคนละคนกัน เราต้องพิสูจน์กันเยอะ ข้อมูลที่เชื่อมโยงเบน สมิธ กับเงินทุนสีเทาที่อยู่ในกัมพูชามีหลายส่วน นายธนดล เป็นทนายความ เป็นที่ปรึกษาของร้อยเอกธรรมนัส พยามยกบริษัทเทียนเทียนเวนเจอร์ขึ้นมาพูด เบนจามิน เบอร์เจอร์ หากดูข่าวจะพบประวัติเกี่ยวข้องเยอะเริ่มต้นตั้งแต่ยุคปี 2000 หนึ่งในบริษัทที่ถูกเชื่อมโยงชื่อบริษัทเบอร์เจอร์ซิเคียวริตี้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบริษัทคอลเซ็นเตอร์รุ่นดั้งเดิม
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่าบางครั้งคนที่กระทำผิด ไม่ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงอยู่แล้ว จึงต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ปัญหาคือคดีนี้ กลต.แจ้งว่าอยู่ในชั้นอัยการตั้งแต่ปี 2564 กมธ.ถามว่ามีสิ่งที่พอชี้ชัดหรือพิสูจน์เรื่องนี้ได้ เช่น ลายนิ้วมือ ซึ่งหน่วยงานระบุว่าอยู่ระหว่างการแสวงหา และเราไม่ทิ้งประเด็นนี้ เพราะจุดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหลายกระบวนการคือธนาคาร BIC Bank ร้อยเอกธรรมนัสอธิบายได้หรือไม่ว่า ทำไมเพื่อนของนายเบน สมิธถึงไปปรากฏที่ธนาคาร BIC
“ถ้าจะดิสเครดิตผม ท่านต้องมีข้อมูลมากกว่านั้น การดำเนินการทางกฎหมายมีข้อมูลที่ชี้ชัด เริ่มกระบวนการที่จะดำเนินการไปสู่การเอาผิดเขาอีกเรื่องหนึ่ง แต่ท่านปฏิเสธ จะยอมรับหรือไม่ว่า ทุนสีเทาจะยึดประเทศ ท่านไม่ทำอะไร อาจจะบอกว่าไม่มีหน้าที่ แต่วันนี้ท่านกำลังจะใช้ทุกวิถีทางไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ. ให้คณะทำงานพยายามมาฟ้องปิดปากผม ในสิ่งที่ผมพยายามออกมาแฉ” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่าตนเองทำหน้าที่อย่างไม่เกรงกลัวใคร อยากให้ประชาชนตื่นตัวเพื่อนำไปสู่การปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้แต่รัฐบาลหน้าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งจะต้องมีนโยบายปราบปรามเชิงรุกกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ พอเสียทีกับการเล่นงานคนที่ออกมาเปิดโปง ไม่ต่างกับการที่ท่านรู้เห็นจัดการกับคนที่ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ไม่รู้ว่าท่านทำเพื่อใคร
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ยังเปิดเผยถึงผลการประชุมในวาระแนวทางการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และความมั่นคงของประเทศว่า หลายหน่วยงานยังต้องติดตามข้อมูลต่อไป เพราะหลายหน่วยงานยังไม่มีข้อมูลในมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเรื่องนี้มีคีย์แมนอีกหลายส่วน โดยเฉพาะบริษัทต่างๆ ขอไม่เอ่ยชื่อชัดๆ ในเวลานี้ เบื้องต้นได้มีการให้คำแนะนำกับ กลต.ว่าบุคคลเป้าหมายมีใครบ้างและแนะนำ กลต.ว่าจะต้องทำงานร่วมกับใคร เช่น ตำรวจไซเบอร์ และ ปปง.ต้องมีการสอบหาข้อมูลต่อไป
อย่างไรก็ตามวันนี้มีการซื้อขายข้อมูลชีวภาพโดยการสแกนม่านตา จ่ายเป็นคริปโตเคอร์ซี่ มูลค่า 2,000 บาท มีการเลี่ยงกฎหมายระบุว่าไม่ใช่การซื้อขาย แต่เป็นการให้แลกเปลี่ยนข้อมูลชีวภาพ สามารถเอาไปสร้างตัวตนปลอมในโลกออนไลน์ได้ เป็นแหล่งที่มาสำคัญในการไปทำบัญชีม้าแก๊งสแกมเมอร์ หากคนที่ไม่หวังดีได้ข้อมูลนี้และไปใช้ในลักษณะแบบนั้น
วันนี้มีผู้สแกนม่านตาไปแล้วล้านคน ทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าว กลุ่มคนที่ไปสแกนม่านตามักมีสถานะทางการเงินไม่ค่อยดี เราเป็นกังวลเมื่อไปดูบริษัทพบว่าเริ่มเจอบริษัทที่อาจจะถูกเชื่อมโยงกับนายยิม เลียก เป็นคีย์แมนของบริษัทธนาคาร BIC ซึ่งเป็นพาทร์เนอร์คนสำคัญของนายเบน สมิธ หากเป็นจริงจะไม่ใช่แค่เรื่องการฟอกเงินแล้ว เป็นเรื่องชีวมิติที่จะต้องมีการสอบสวนต่อไป เพราะมีมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว
นายรังสิมันต์ ระบุว่าเรื่องที่ กมธ.ชุดนี้พิจารณา ไม่ใช่เรื่องระดับชาติ แต่เป็นเรื่องระดับโลกเกี่ยวพันกับประเทศต่างๆ มีบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทเกี่ยวข้อง บริษัทเหล่านี้มีลักษณะของกระบวนการบางอย่างที่ทำให้การแสวงหาผู้ที่รับประโยชน์จากการฟอกเงินทำได้ยากมาก เรากำลังพูดคุยและแนะนำให้ กลต.คุยกับธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับธนาคารแห่งประเทศไทยและ กลต.เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ปราบปรามบริษัทข้ามชาติกับทุนสีเทา
โดยในวันที่ 30 ต.ค.นี้ ตนเองติดภารกิจ มอบหมายให้นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธาน กมธ.แทน จะมีการพิจารณาเรื่องการตรวจสอบการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศึกษากรณีการทุจริตคอรัปชั่นที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงไปถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ตนเองเป็นห่วงเรื่องข้อมูลชีวมิติ เพราะว่ามีข้อมูลบ่งชี้หลายอย่างที่เป็นกังวล ล่าสุดมีการเกณฑ์คนที่จังหวัดแห่งหนึ่งจากทั้งหมู่บ้านเพื่อนำมาสแกนม่านตาโดยให้เงิน 500 บาทผ่านเอเจ้นท์ ซึ่งหากทำไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่อันตรายมาก กังวลเรื่องความพร้อมเจ้าหน้าที่รัฐไทยกับกรณีนี้
“ผมไม่ได้บอกว่าห้ามสแกนม่านตา แต่ตั้งคำถามว่าการจัดเก็บ การเอาไปควบคุม การไปใช้จะดำเนินการอย่างไร เพราะม่านตาลึกยิ่งกว่าการสแกนใบหน้า” นายรังสิมันต์ กล่าว
แท็กที่เกี่ยวข้อง โรมรังสิมันต์ ,รังสิมันต์โรม ,ธรรมนัส ,เบน สมิธ ,แก๊งคอลเซ็นเตอร์