เลือกตั้งและการเมือง

“ณัฐพงษ์” ตั้งกระทู้ถาม “สีหศักดิ์” เห็นด้วยหรือไม่ยกเลิก MOU43-44 หวั่นฝ่ายการเมืองฉวยใช้กระแสชาตินิยม

9 ต.ค. 2568

34 views

“ณัฐพงษ์” หัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถาม “สีหศักดิ์” เห็นด้วยหรือไม่ยกเลิก MOU43-44 หวั่นฝ่ายการเมืองฉวยใช้กระแสชาตินิยมเพื่อกระแสนิยมการเมือง จี้ถามรัฐบาลจะทำอย่างไรให้ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ประชามติ - ไม่ให้กัมพูชารู้ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ พร้อมแผนเยียวยาเอกชนหากฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการ ด้าน “สีหศักดิ์” ปัดตอบหรือไม่ – เผยสัปดาห์หน้า “บวรศักดิ์” นัดถกรูปแบบประชามติ - ย้ำยึดประโยชน์ชาติ

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสด นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจัดทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 ซึ่งจากผลสำรวจของนิด้าโพล พบว่าขอประชาชนยังไม่เข้าใจ ในกรณีนี้คือจะต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าหากจะยกเลิก MOU แต่ละฉบับจะส่งผลอย่างไรต่อการจัดการข้อพิพาทระหว่างไทยกัมพูชา และไทยจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไรจากการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ ซึ่งในมุมมองของตนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะรณรงค์เรื่องนี้ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลทั้งข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบจากการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับโดยที่ไม่สามารถทำให้กัมพูชาล่วงรู้ได้

ข้อกังวลของตนที่ต้องมาถามวันนี้คือ MOU ทั้งสองฉบับมีสาระสำคัญในเรื่องของการปักปันเขตแดนทางบกและการบริหารผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทยกัมพูชาข้อมูลจำนวนมากเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าประเทศไทยจะได้เปรียบและเสียเปรียบในประเด็นใดบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรก็มีการประชุมรับเพื่อไม่ให้กัมพูชาล่วงรู้

ตนจึงอยากจะถามเรื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่าตาม พ.ร.บ.ประชามติ มีบทบัญญัติตามมาตรา 14 วรรคสามการออกเสียงประชามติต้องไม่เป็นการชี้นำ มาตรา 15 วงเล็บห้า รัฐบาลและกกต. จะต้องให้รายละเอียดอย่างรอบด้านทั้งข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของไทยต่อกัมพูชา และตามมาตรา 16 รัฐบาลและกกต. ต้องจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นผ่านเวทีสาธารณะอย่างทั่วถึง ภายใต้รายละเอียดจำนวนมากที่จำเป็นต่อการประกอบการตัดสินใจ

ดังนั้นรัฐบาลมีแผนในการดำเนินการจัดทำประชามติอย่างไรเพื่อไม่ให้การออกเสียงประชามติยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับขัดต่อ พ.ร.บ.ประชามติ โดยที่กัมพูชาไม่สามารถล่วงรู้ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของไทย

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ประชามติมาตรา 15 วงเล็บห้ายังมีบทบัญญัติเพิ่มเติมอีกว่ารัฐบาลและกกตจะต้องให้ข้อมูลในส่วนของมาตรการป้องกันแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการ ดำเนินการตามผลประชามติ หากมีการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับรัฐบาลจะต้องให้ข้อมูลประชาชนก่อนวันออกเสียงประชามติว่าหากมีการยกเลิกมีมาตรการป้องกันเยียวยาความเสียหายอย่างไร ตนยกตัวอย่าง MOU 43 เรื่องการปักปันเขตแดนไทยกัมพูชา วันนี้รัฐบาลมีมาตรการหรือกลไกอื่นใดที่ดีกว่า MOU 43 ในการปักปันกันเขตแดนระหว่างไทยกัมพูชาเพื่อรองรับผลกระทบ หากจะต้องมีการยกเลิก MOU ฉบับนี้

ส่วน MOU 44 รัฐบาลมีวิธีการหรือมาตรการอย่างไรในการป้องกันไม่ให้เอกชนที่เซ็นสัญญาลงนามสัปทานการขุดเจาะก๊าซในอ่าวไทยที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกัมพูชาเพื่อไม่ให้นำไปฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการเรียกร้องค่าเสียหายต่อรัฐบาลไทยหากจะต้องยกเลิก MOU 44

และในทางปฏิบัติหากจะรณรงค์เรื่องนี้ผ่านเวทีสาธารณะและให้ข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาร่วมรู้รายละเอียดยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ตนจึงอยากจะถามว่าหากดึงดันเดินหน้าจัดทำประชามติด้วยกระบวนการแบบนี้ที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อกันขัดต่อกฎหมาย และหากมีผู้ร้องไปร้องว่ากระบวนการจะทำประชามติแบบนี้ ให้ข้อมูลไม่รอบด้าน ไม่ชี้แจงเรื่องมาตรการการป้องกัน เยียวยาความเสียหายตามกฎหมาย และทำให้การจัดทำประชามติเป็นโมฆะ ยังจะเดินหน้าต่อหรือไม่ หรือรัฐบาลมีกลไกอื่นเช่นกลไกในสภาผ่านกรรมาธิการวิสามัญ ที่มีนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน กลไกแบบนี้หรือไม่ที่อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่า รัฐบาลได้พิจารณากวนใจแบบนี้ที่ศึกษาอย่างรอบคอบก่อนที่จะส่งผลสรุปต่อรัฐบาลใช้อำนาจในการตัดสินใจหรือไม่

นายสีหศักดิ์ ชี้แจงว่า เป็นครั้งแรกที่มาตอบกระทู้ในสภา แต่เชื่อว่าการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ดีต้องเปิดกว้าง และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะจากฝ่ายค้าน ต้องยอมรับเรื่อง MOU เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เป็นเรื่องของอธิปไตยและเขตแดน เพราะฉะนั้นประชาชนต้องมีส่วนแสดงความเห็นในเรื่องที่เราจะดำเนินการ แต่เรื่องของวิธีการทำประชามติอย่างไรก็จะต้องทำให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ เพราะคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหากการทำประชามติอยู่บนพื้นฐานขาดข้อมูล เราจึงต้องรับฟังเสียงของสังคม ขณะที่ในสภาก็มีกระบวนการในการตั้งกรรมาธิการพิจารณาให้รอบคอบ เชื่อว่ากัมพูชาก็ได้รับฟังในเรื่องนี้ด้วย

ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่มีการอภิปรายเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่การทำประชามติเราต้องดูและศึกษาให้ดี เพราะเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง เรื่องที่จะต้องให้ข้อมูลข่าวสาร ที่จะต้องนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน เรื่องการเยียวยาโดยเฉพาะภาคเอกชน ก็ต้องคำนึงถึง ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ต้องมีการพิจารณาให้ดี โดยอาทิตย์หน้านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ก็จะมีการประชุมเพื่อที่จะดูขั้นตอน รูปแบบ วิธีการทำประชามติจะดำเนินการอย่างไร ยืนยันจะคำนึงถึงทุกประเด็นที่ห่วงใย แต่เมื่อประชุมแล้วจะดำเนินการอย่างไรมีแผนการอย่างไรตนจะกลับมาเรียนชี้แจงที่สภาอีกครั้ง

ขณะที่นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องวิธีการที่จะไปประชุมกับนายบวรศักดิ์ตนขอรับคำตอบไว้ แต่เรื่องมาตรการการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหากผลการทำประชามติให้ยกเลิก เช่นกลไกที่ดีกว่าในการปักปันเขตแดนที่ดีกว่า MOU43 และการป้องกันไม่ให้ไทยถูกฟ้องร้องจากเอกชนหากมีการยกเลิกตนเชื่อว่าความรู้ความสามารถของท่านในฐานะที่เป็นนักการทูตทุกคนให้การยอมรับท่านน่าจะสามารถตอบคำถามนี้ได้เลยในฐานะตัวแทนรัฐบาล รวมถึงรัฐบาลได้พิจารณาตัวเลือกอื่นๆไว้หรือไม่ ตนแค่อยากทราบว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดช่อง ไม่ใช่ดึงดันที่จะทำประชามติอย่างเดียว หากพิจารณาแล้วว่าการทำประชามติไม่เหมาะสมได้เปิดช่องอื่นไว้หรือไม่

ตนจึงอยากจะถามย้ำในมุมมองของรัฐบาลว่า ในฐานะที่รัฐมนตรีเป็นข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศมาตลอดเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในด้านนี้ได้รับการยอมรับและเคารพในงานต่างประเทศ เชื่อว่ามีความรู้ความเข้าใจในด้านนี้แน่นอน ตนจึงอยากทราบความเห็นของท่านในฐานะที่เป็นนักการทูตและเป็นตัวแทนของรัฐบาลว่าเห็นด้วยหรือไม่ว่ารัฐบาลควรจะยกเลิก MOU 43-44

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเข้าสู่กระบวนการประชามติเพื่อยกเลิก MOU หรือไม่ ยืนยันจะทำด้วยความรอบคอบ ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนว่าหากไม่มีเรื่อง MOU แล้วจะมีอะไรเป็นทางเลือกเพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ของประเทศได้รับผลกระทบ ได้รับความเสียหาย ไม่ใช่อยู่ดีๆอยากจะทำประชามติก็ทำประชามติ ไม่มีการเตรียมการหรือแผนรองรับ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเราเห็นความสำคัญว่าจะต้องมีแผนรองรับ หากไม่มีเรื่อง MOU อะไรคือทางเลือกของเราที่จะปกป้องรักษาผลประโยชน์ของเรา

ส่วนเรื่องการเยียวยายังมีรายละเอียดมากมายแต่อะไรที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมและถูกกระทบจากการยกเลิกเรื่อง MOU เราก็จะมีการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้ผลกระทบ

ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีมีข้อจำกัด ตนเชื่อว่าท่านเป็นนักการทูตและเป็นบุคคลที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมากที่สุดและเป็นคนที่มีน้ำหนักในการให้ความเห็นกับคณะรัฐมนตรีชุดนี้

“สิ่งที่พวกเราอยากจะส่งข้อเรียกร้องไปยัง คณะรัฐมนตรี คือ การที่เราถกเถียงเรื่องนี้โดยใช้กระแสชาตินิยม แต่สิ่งที่เราต้องการผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย แต่สิ่งที่เราไม่ต้องการคือการใช้ประเด็นเรื่องนี้เอามาเรียกกระแสต่างๆ และอาจจะทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่เราไม่สามารถกลับมาแก้ไขปัญหาได้อีก สิ่งที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดคือกัมพูชาล่วงรู้ข้อได้เปรียบเสียเปรียบไทยทั้งหมดประเทศไทยเดินเกมต่างประเทศที่ผิดพลาด แล้วสุดท้ายกัมพูชาเอาเรื่องนี้ขึ้นสื่อสารโลกได้ ตนทราบดีว่ารัฐมนตรี ทราบดีว่าอะไรคือคำตอบที่ถูกต้องเพียงแต่วันนี้ท่านอยู่ในคณะรัฐมนตรีทำให้ท่านมีอุปสรรคบางอย่างที่ท่านตอบตนไม่ได้ตรงๆ”

“แต่สิ่งที่ตนอยากคาดหวังจากรัฐมนตรีคือในขณะที่ประชาชนคาดหวังระบบการเมืองที่ดีจากบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นนักการทูต เป็นคนแบบท่านรัฐมนตรี ที่ดำรงตำแหน่งไม่ได้มาจากการต่อรองตำแหน่งโควตา ต่อรองตำแหน่งทางการเมืองอย่างเดียว สิ่งที่ตนอยากได้ยินคำตอบและคำยืนยันจากรัฐมนตรี ในฐานะที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีคำพูดที่มีน้ำหนักต่อการให้ความเห็นคณะรัฐมนตรี ยืนยันออกมาดังๆได้หรือไม่ว่าตัวท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะยกเลิกเรื่อง MOU ทั้งสองฉบับ เห็นด้วยหรือไม่ที่การจัดทำประชามติเป็นกระบวนการที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ หรือหากไม่เห็นด้วยหรือไม่สามารถตอบออกมาได้อย่างชัดเจนตนขอคำยืนยันได้หรือไม่ว่าท่านจะเข้าไปนำเสนอความคิดเห็นของท่านในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อที่จะเบรคฝ่ายการเมือง ที่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อใช้กระแสชาตินิยม เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือยัง ตนอยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยืนยันเจตจำนงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร”

นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่าเรื่องการต่างประเทศเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ บางครั้งเราต้องไม่นำมาเป็นประเด็นทางการเมือง เรื่องนี้ต้องมีการอภิปรายอย่างจริงจัง ตนจะตอบอะไรก็ต้องตอบด้วยความมั่นใจ ตนถึงอยากให้มีการพูดคุยในรายละเอียด โดยคำนึงถึงประเด็นต่างๆว่าจะเดินหน้าอย่างไร ความเห็นส่วนตัวในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะนำเสนอรัฐบาลอย่างแน่นอน ตนขอยืนยันได้เรื่องของผลประโยชน์ของประเทศชาติ และกระบวนการประชาธิปไตยที่รัฐบาล ต้องรับผิดชอบต่อสภา ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและพร้อมที่จะมาชี้แจงเมื่อมีแผนที่ชัดเจน

คุณอาจสนใจ

Related News