เลือกตั้งและการเมือง

“โรม” ขึ้นภูมะเขือครั้งแรก เห็นกับตาจุดทหารไทยยึดได้แบบเบ็ดเสร็จ ชี้ หากขัดกันทางอาวุธต้องรับมือให้ดี

5 ต.ค. 2568

318 views

“โรม” ขึ้นภูมะเขือครั้งแรก เห็นกับตาจุดทหารไทยยึดได้แบบเบ็ดเสร็จ ชี้หากขัดกันทางอาวุธต้องรับมือให้ดี “แอนตี้โดรน-ถนนคอนกรีต” หวั่นเขมรซื้ออาวุธจีนเฟสสอง ด้าน “ผู้พันจักรกฤษณ์” ผู้ปักธงไทยบนยอดภู พาเดินดูเอง ยันทหารไทยเฝ้าระวังต่อเนื่อง

วันที่ 5 ต.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกมธ.ฯ เดินทางลงพื้นที่ยอดภูมะเขือ จุดยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามปัญหาด้านความมั่นคง โดยมี พันโท จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 ในฐานะหัวหน้าชุดที่ประจำพื้นที่ และเป็นผู้ทึ่ปักธงชาติไทยในวันที่ยึดพื้นที่ภูมะเขือคืนจากกัมพูชาได้ เป็นผู้ให้ข้อมูล และพาดูพื้นที่แนวเขตอธิปไตยของไทย ที่ทหารไทยตรึงกำลังยึดพื้นที่ไว้แบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงดูจุดที่ทหารกัมพูชาเคยสร้างกระเช้าขึ้นมาและทหารไทยผลักดันออกจากพื้นที่ กลับไปอยู่ในแนวของกัมพูชา บริเวณด้านล่าง

ช่วงหนึ่งระบุว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องเส้นทางต่างๆ ได้ดำเนินการกว่า 8 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถส่งกำลังบำรุงได้ แต่จะมีต้องมีการดำเนอนการปรับปรุงเส้นทางเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่า บนพื้นที่ภูมะเขือ ทหารไทยสามารถยึดพื้นที่ได้แบบเบ็ดเสร็จ ส่วนกำลังของฝ่ายตรวข้ามจะอยู่บริเวณด้านล่าง และยังมีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาในพื้นที่เคยตรึงกำลัง โดยทหารไทยก็เฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประเมิน การเติมกำลังถือเป็นการที่อาจจะรุกเข้ามา ดังนั้นทหารจึงได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ทุกเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในห้วงต่อไป

นายรังสิมันต์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ว่า ภูมะเขือเป็นจุดชัยภูมิที่มีความสำคัญ เห็นความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาได้อย่างชัดเจน หากมีความผิดปกติฝ่ายไทยก็จะรับรู้ได้ จุดที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อไทยยึดได้ หากมีการขัดกันของอาวุธอีกครั้งหนึ่ง ภูมะเขืออัดเป็นจุดแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงต้องมีแผนรับมือการขัดกันของอาวุธที่ค่อนข้างรุนแรงด้วย เท่าที่ตนทราบมีโดรนของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาเป็นระยะ ๆ ฝ่ายไทยจึงต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

ในระยะสั้น กมธ.ให้ความสำคัญอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การส่งกำลังบำรุงถนนหนทางต่าง ๆ อยากให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ คงจะได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร 2.อาหารการกินก็มีความสำคัญ เชื่อว่ามีความพยายามดูแลดีอยู่แล้ว 3.เครื่องมือทั้งเชิงรับเชิงรุก เช่น แอนตี้โดรน ฝ่ายกัมพูชากำลังจะไปเฟสของการใช้อาวุธที่ซื้อมาจากจีน ซึ่งอาจจะถูกนำมาใช้ในอนาคต ดังนั้นไทยจะต้องส่งสัญญาณถึงทุกฝ่ายว่าไทยมีความพร้อม ซึ่งจะเป็นหลักประกันที่สำคัญต่อการสร้างความมั่นคงที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามจะมีการหารือร่วมกับพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลายตัวแทนของรัฐบาลส่วนอื่น ๆ ถึงเรื่องเร่งด่วนที่จะทำให้พื้นที่ความมั่นคงนี้ พื้นที่ที่มีความพร้อมต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ

ขณะที่งบประมาณในการสนับสนุนกำลังในพื้นที่นั้น นายรังสิตมันต์ กล่าวว่า พื้นที่ชายแดนมีปัญหาอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ 1.กฎหมาย เนื่องจากมีหน่วยงานรับผิดชอบหลายหน่วยงาน ทำให้เวลาที่จะแก้ปัญหาหรือเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงจำเป็นต้องประสานหน่วยงานจำนวนมาก ซึ่งจะต้องมีแผนระยะยาวว่าพื้นที่ด้านความมั่นคง จะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ฟังอย่างเป็นลักษณะเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการทับซ้อนหรือปัญหาทางกฎหมายตามมา

2.พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีการทุ่มงบประมาณค่อนข้างน้อย สมัยก่อนคนจะบอกว่าเป็นพื้นที่สีเทา ซึ่งไม่ควรจะเป็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว ควรจะเป็นพื้นที่ที่สร้างหลักประกันและความมั่นใจให้กับประชาชนให้ได้ จึงจำเป็นจะต้องแก้ปัญหาหลายอย่างที่ถูกทิ้งมาเป็นเวลานาน 3.ใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนพื้นที่ สอดรับกับทางกองทัพไทยที่ต้องการนำเอาเทคโนโลยี เช่น เสาที่มีกล้องจับความเคลื่อนไหวได้ เพราะพื้นที่ชายแดนไม่ใช่จะคิดแต่ป้องกันอริราชศัตรู แต่ต้องคิดว่าหากมีการฝ่าฝืนหรือกระทำผิดกฎหมาย ไทยจำเป็นต้องรู้ด้วย ทั้งนี้ในกรอบ 4 เดือน ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลตาม MOA จะต้องบูรณาการระหว่างหน่วยงาน หากสร้างเอกภาพระหว่างหน่วยงานไม่ได้ การเตรียมพร้อมกับภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องยากมาก

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามจะใช้โดรนเข้ามาในพื้นที่ กมธ.มีการพิจารณาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมาก แต่ปัจจุบันกัมพูชาพยายามใช้โดรนเพื่อเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ ดังนั้นไทยจะต้องเตรียมการรับมือทุกฉากทัศน์ ไทยอาจจะต้องเพิ่มแอนตี้โดรนที่มากขึ้น ให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ไทยจะต้องรับมือ

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ข้อมูลจากทหารที่อยู่ประจําการบริเวณยอดภูมะเขือ โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีความพยายามจากทางฝั่งกัมพูชาที่จะก่อกวนด้วยการใช้โดรนบินเข้ามาในพื้นที่ โดยจุดที่เป็นแนวเขตของกัมพูชากับประเทศไทยนั้น หากวัดตามระยะทางห่างกันประมาณ 300 -400 เมตร แต่จุดภูมะเขือของเราอยู่บริเวณยอดที่สูงกว่าทางกัมพูชาจึงใช้วิธีปล่อยโดนจากบริเวณแนวพื้นที่ของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะ พยายามบินเข้ามาสํารวจบริเวณฐานปฏิบัติการภูมะเขือ แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการติดตั้งเครื่องมือแอนตีโดน ทําให้ทุกครั้งที่บินขึ้นมาก็จะถูกผลักออกไปจากพื้นที่ แต่ในช่วงที่ผ่านมาที่มีฝนตก ก็ทําให้จำนวนโดรนที่บินเข้ามาในพื้นที่น้อยลง



คุณอาจสนใจ

Related News