เลือกตั้งและการเมือง
โฆษก ทบ. เผยกองทัพเล็งสร้างรั้วชายแดนไทย-เขมร พื้นที่ลักลอบเข้าออกเมืองผิดกฎหมาย
1 ต.ค. 2568
44 views
วันที่ 1 ต.ค.2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณียอดบริจาคสร้างรั้ว และบังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา ของ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์บริจาคเป็นทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดบริจาคสมทบทะลุ 100 ล้านบาทแล้วนั้น
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เรื่องการสร้างรั้วชายแดน อาจจะต้องแบ่งเป็นพื้นที่ ซึ่งเท่าที่ได้ติดตามข้อมูล หากพื้นที่ไหนมีความชัดเจน และสามารถดำเนินการได้ ก็จะทำก่อน ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนก็ต้องรอให้เป็นไปตามกระบวนการ โดยเฉพาะกระบวนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC แต่ที่สำคัญการสร้างรั้ว อาจจะมองไปที่พื้นที่ที่มีการเข้าออกผิดกฎหมาย และเกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ก็อาจจะดำเนินการก่อน อย่างน้อยให้เห็นว่า ไทยมีมาตรการที่ต้องต่อต้านสิ่งผิดกฎหมาย
ส่วนพื้นที่ที่มีความชัดเจน จะสร้างรั้วแบบใด แบบถาวร หรือสร้างแบบรั้วอิเล็กทรอนิกส์นั้น โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่เห็นรายละเอียด
พล.ต.วินธัย กล่าวถึงกรณีมีเสียงปืนยิงเข้ามาฝั่งไทยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ว่า จากการตรวจสอบ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการใช้อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนเล็ก หรือเครื่องยิงลูกระเบิด ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในห้วง 2 - 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กัมพูชาพยายามเน้นการสื่อสารไปยังสังคมโลก เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ต่อฝ่ายไทย เชื่อว่าทุกฝ่ายคงรู้เท่าทัน จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขของทางกัมพูชา ที่จะนำไปใช้ในเวทีสังคมโลก จะเห็นได้ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงถึงยุทธวิธีของกัมพูชา
โดยการนำกิจกรรมมาเป็นตัวนำ เช่น การชุมนุมของคนกัมพูชา ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งจะนำภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไปขยายผลต่อ จะเห็นว่าเราใช้กำลังของฝ่ายปกครองซึ่งไม่ใช่ทหารไปดูแลความเรียบร้อย กัมพูชาจึงไม่สามารถนำไปขยายผลได้
นอกจากนี้ คนกัมพูชามีท่าทีที่ก้าวร้าว และมีการใช้ความรุนแรงอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ซึ่งมองว่าฝ่ายไทยยังรับมือได้ ในการนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงต่อประชาคมโลกได้ ดังนั้นเป้าหมายของกัมพูชาที่จะทำให้สังคมโลกมองไทยไปในทิศทางที่ไม่ดียังไม่ได้ผล
นอกจากนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมอย่างสูงสุด และการดูแลกำลังพล เนื่องจากต้องใช้เวลาในการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องใช้ความอดทนอดกลั้น
เมื่อถามว่าจะมีการประชุมอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย ห่วงหรือไม่ว่ากัมพูชาจะใช้วิธีการยั่วยุสร้างสถานการณ์เหมือนในห้วงที่ผ่านมา พล.ต.วินธัย กล่าวว่า สถานการณ์ต้องติดตามวันต่อวัน ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ แต่สิ่งที่กัมพูชาเคลื่อนไหวมีสองลักษณะ คือ จังหวัดสระแก้ว ใช้มวลชนจัดตั้งมาอย่างเป็นระบบ ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เป็นการใช้อาวุธ ขณะที่รูปแบบอื่นๆยังไม่ชัดเจน
เมื่อถามว่า MOU 43 ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ และการให้ความเห็นทั้งสองลักษณะ ซึ่ง MOU 43 เรายึดถือและปฏิบัติมา แต่ปัญหามีการละเมิดประมาณ 500 ครั้ง และไปจบที่การประท้วง ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างแท้จริง ส่วนกระบวนการที่จะยกเลิกหรือไม่ ต้องเป็นระดับฝ่ายบริหาร ส่วนหากยกเลิกแล้วจะส่งผลต่อการทำงานของกองทัพหรือไม่นั้น กองทัพสามารถทำงานได้หมดอยู่แล้ว ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ตามกรอบกฎหมายและข้อตกลงที่มีอยู่เราก็ยึดมั่นตามนั้น ที่ผ่านมาเราก็ยึดมาโดยตลอด
“ผมมองว่าเป็นเรื่องของความตั้งใจและความจริงใจมากกว่า ซึ่งฝ่ายบริหารมีกลไกที่จะบริหารเรื่องนี้อยู่ เพียงแต่ฝ่ายทหารพูดได้ว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้ละเลย”
เมื่อถามว่าหากฝ่ายนโยบายสอบถามยังฝ่ายความมั่นคงอยากจะให้ MOU 43 คงอยู่หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ต้องพิจารณากันหลายส่วน ในส่วนของฝ่ายปฏิบัติก็มีข้อมูลอยู่แล้ว หากละเมิดเราทำหนังสือประท้วง ผ่านกระทรวงการต่างประเทศและผู้บังคับหน่วยในระดับพื้นที่ ก็พูดคุยกัน แต่ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขอย่างจริงจัง จนปล่อยไว้เนิ่นนาน ปัญหาก็สะสมมา 20 ปีอย่างที่เห็น
แท็กที่เกี่ยวข้อง พลตรี วินธัย สุวารี ,ชายแดนไทยกัมพูชา ,สร้างรั้วชายแดน ,โฆษกกองทัพบก