เลือกตั้งและการเมือง
สว.สำรอง ยื่นอัยการสูงสุดเอาผิด “ภูมิใจไทย-ประชาชน” เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
30 ก.ย. 2568
97 views
สว.สำรอง ยื่นอัยการสูงสุดเอาผิด “ภูมิใจไทย-ประชาชน” เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง มอง MOA เป็นสัญญาทาส หากไม่รับเรื่องภายใน 15 วัน เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อ
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง ได้เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง โดยร้องเรียนเอาผิด 2 บุคคล 2 พรรคการเมือง ได้แก่
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาชน
- พรรคภูมิใจไทย
- พรรคประชาชน
นายอัครวัฒน์เปิดเผยว่า เนื่องจากการที่ทั้งสองพรรคทำ MOA ที่พรรคประชาชนจะสนับสนุนเลือกนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยและต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน จึงมองว่า MOA ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายพรรคการเมืองระหว่างกันหรือ “สัญญาทาส” ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและจะทำให้ประชาธิปไตยของประเทศไม่พัฒนา เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยและฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยไม่มั่นใจแก่ประชาชนว่า ฝ่ายค้านจะสามารถถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลได้ รวมทั้ง MOA ดังกล่าว มีลักษณะเหมือนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ดังนั้น จึงมองว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 มีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ จึงตัดสินใจรวบรวมหลักฐานมายื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามขั้นตอนในมาตรา 49 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งอัยการสูงสุดจะต้องพิจารณารับหรือไม่รับเรื่องภายใน 15 วัน ถ้าอัยการสูงสุดไม่พิจารณารับเรื่องหรือปล่อยให้เกิน 15 วัน กลุ่ม สว.สำรอง ก็เตรียมจะยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ตามมาตรา 49 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ โดยผลของการกระทำดังกล่าว ถึงขั้นทำให้ทั้ง 2 พรรคถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้
นายอัครวัฒน์ เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า โดยหลักประชาธิปไตยแล้ว พรรคการเมืองกลุ่มใดสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ จะต้องจัดตั้งรัฐบาล แต่สภาวะการเมืองไทยตอนนี้ กลายเป็นว่าฝ่ายค้านมีเสียงข้างมากจากการทำ MOA ซึ่งตนเองและประชาชนคนไทยอีกหลายคนก็เห็นตรงกันว่า เป็นเพียงแค่การเอื้อผลประโยชน์ให้แก่คนบางกลุ่มและเอาเปรียบพรรคอื่น การกำหนดเงื่อนไขให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยและยุบสภาภายใน 4 เดือน ทั้งที่สภาผู้แทนราษฎรยังมีวาระอีกตั้งปีกว่า ถือเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ระบอบประชาธิปไตยและสิ้นเปลืองงบประมาณในการเลือกตั้ง
รวมทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพรรคประชาชนว่า ตอนนี้เหมือนเป็นเพียงแค่ฝ่ายค้านค้ำรัฐบาล เล่นละครตรวจสอบแบบลิเกไปวันๆ ซึ่งบทบาทของพรรคประชาชนตอนนี้นั้น สร้างความผิดหวังให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมากที่เคยให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ยันพรรคก้าวไกล เพราะที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ตรวจสอบสมกับบทบาท จนประชาชนไว้วางใจลงคะแนนเลือกเป็นพรรคอันดับหนึ่งเมื่อการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 แต่พักหลังมานี้ กลับไม่ออก Action อะไรเลย ทั้งเรื่องของคดีฮั้ว สว. และคดีเขากระโดง จึงขอให้ประชาชนดูกันต่อไปว่า ทั้ง 2 พรรคที่ทำ MOA กัน จะมีผลประโยชน์อะไรต่างตอบแทนกันหรือไม่
นายอัครวัฒน์ ยังยืนยันอีกว่า แม้ตัวเองจะเป็นเพียงแค่ สว.สำรอง แต่ก็ถือว่ามีหน้าที่สำคัญที่จะต้องตรวจสอบทุกการกระทำของพรรคการเมืองทุกฝ่าย ยืนยันว่าตนเองทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง อิสระ ไม่ฝักใฝ่หรือเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามีพรรคการเมืองหรือกลุ่มบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายและขาดความซื่อสัตย์สุจริต ก็ควรจะต้องยื่นเรื่องเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ผิดก็ว่ากันไปตามผิด
เพราะถึงแม้ตนเองจะเป็นแค่ สว.สำรอง แต่ก็ต้องการอยากเห็นนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติตามกฎหมายให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม สร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน และเป็นนักการเมืองที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชน ไม่ใช่แสวงหาผลประโยชน์เห็นแก่อำนาจ ซึ่งพวกตนก็คงยอมไม่ให้ใครมาปล้นระบอบประชาธิปไตยและทำลายกฎหมายได้
สำหรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 49 บัญญัติไว้ว่า
“บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้
ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้
ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้
การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง”
แท็กที่เกี่ยวข้อง สว.สำรอง ,พรรคภูมิใจไทย ,พรรคประชาชน ,ยื่นอัยการสูงสุด