เลือกตั้งและการเมือง

ว่าที่ ผบ.ทร. เร่งกดดันกัมพูชา รื้ออาคาร “กาสิโน” รุกล้ำตราด รับสานต่อนโยบายเรือดำน้ำ-เรือฟริเกต

29 ก.ย. 2568

78 views

ว่าที่ ผบ.ทร. เร่งกดดัน “กัมพูชา” รื้ออาคาร “กาสิโน” รุกล้ำบ้านท่าเส้น จ.ตราด หากใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ก็ไม่ต้องทะเลาะกัน ยกโมเดล “อาคารตรวจการณ์” รับสานต่อนโยบายเรือดำน้ำ-เรือฟริเกต และผลักดันเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าประจำการกองทัพเรือ

พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ (ว่าที่ ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงอาคารกาสิโนของกัมพูชา ที่รุกล้ำพื้นที่บ้านท่าเส้น-ทมอดา จ.ตราด จะรื้อถอนหรือไม่ ว่า ที่ผ่านมาเรากดดันมาตลอด เราได้รับข้อมูลว่าถ้ายังไม่ชัดเจนก็ไม่ต้องให้คนเข้าใช้ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่มีการเข้าใช้ประโยชน์อาคาร แต่ต้องเจรจาและกดดันเพิ่มมากขึ้น เพราะในบริเวณนั้นฝ่ายกัมพูชาเริ่มก่อตั้ง ต้องกดดันให้เขาพิจารณาทำลาย

เมื่อถามย้ำว่ามีการมองว่าเป็นการสร้างในพื้นที่ของไทย ต้องเป็นฝ่ายกัมพูชารื้อถอนหรือฝ่ายไทย ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วหรือไม่ ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ขณะนี้เราต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เพราะหน่วยงานความมั่นคงก็ดูเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว ส่วนการเจรจาก็จะมีกระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ ต้องเจรจากดดันต่อไป ขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือปล่อยให้อยู่ตรงนั้นชั่วนาตาปี แต่จะใช้มาตรการกดดันให้เข้มข้นขึ้น

เมื่อถามย้ำว่ามีการมองว่ามีความเกรงใจเพราะมีชื่อนักการเมืองฝั่งไทยเกี่ยวข้องนั้น ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า อันนี้ขอให้หน่วยงานในพื้นที่เขาทำ เราหน่วยงานความมั่นคงขอเน้นไปที่เรื่องการปกป้องอธิปไตย

สำหรับพื้นที่อาคารกาสิโนที่ท่าเส้น ว่าที่ ผบ.ทร. ระบุอีกว่า ต้องพิจารณาข้อตกลงที่จะพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาจะออกมาอย่างไร ระบบตรวจการณ์ของเราไม่ได้ขึ้นไปทุกวัน เพราะพื้นที่ฝั่งเราอยู่บนเหวมากกว่า แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นพื้นราบ จึงต้องรอบพอสมควร ซึ่งถ้ามาสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่ถ้าใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ได้ และพูดคุยร่วมกันไม่ได้ เราก็ต้องคงต้องหาวิธีกดดันผ่านวิธีใดวิธีหนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่าหากจะใช้ประโยชน์ร่วมกันจะเป็นรูปแบบใด ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า เราไม่ได้มองว่าจะเอาไปทำกาสิโน ตนเองมองที่อาคารอย่างเดียว ซึ่งสามารถนำไปใช่ร่วมกันได้ อาจเป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกันได้ ไม่ได้มองว่าตรงกันเป็นกาสิโน มองว่าเป็นอาคาร เราผลักดันไม่ให้ใครมาใช้อาคาร

เมื่อถามว่านอกจาก 17 พื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำขึ้นมา มีพื้นที่อื่นๆ เพิ่มอีกหรือไม่ ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพว่าไม่มีการมาเพิ่ม แต่บางจุดเราประท้วงเขาก็หยุดสร้าง แต่บางจุดเราประท้วง เช่น บางคูเลตเขาก็กลบ ถนนบางสายเมื่อเขาทำแล้ว ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เลี้ยวมาในไทย เขาก็หลีกเลี่ยงไปทางอื่น แต่ส่วนใหญ่ฐานที่มั่นทางทหารก็จะมีที่บ้างชำรากเท่านั้น

เมื่อถามว่าเหล่าทัพต้องมีการหารือร่วมกันวางแผนชายแดนอย่างไรบ้าง ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพต้องหารือร่วมกันและประสานแผน ทั้งกองทัพภาคที่ 1-2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เพื่อทำไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้ทวีกำลังในการกดดันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัฐบาลก็จะกำหนดเรื่องเศรษฐกิจและการทูต ในการทหารก็จะกดดันพร้อมกันไป เพื่อให้การทวีกำลังในการกดดันได้ผลมากขึ้น

เมื่อถามถึงการขีดเส้นพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว วันที่ 10 ต.ค.นี้ ให้ชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ทาง ทร. จะสนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 อย่างไรบ้าง ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า เราพร้อมเพราะมีการประสานแผนตลอด ผบ.กองบัญชาก์ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รายงานอยู่ตลอด ซึ่งพุดคุยกับกองทัพภาคที่1-2 ถือว่าเราได้ประสานการปฏิบัติ เราทำงานจังหวะของการเดิน ก็ต้องไปด้วยกัน

ส่วนรูปแบบการทำงานของ ผบ.ทร. เป็นอย่างไร พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า “เข้มข้นมาทกุยุคแต่จะมุ่งเน้นในจุดไหน ผมมีประสบการณืปฏิบัติการทางบก ดูในเรื่องกาปรระสานแผน กำหนดยุทธศาสตร์ ก็จะต้องการปฏิบัติของน้องๆ และหน่วย”

ทั้งนี้ พล.ร.อ.ไพโรจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหลังเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทร. จะมีการสานต่อเรื่องใดบ้าง ว่า นโยบายหากมีความต่อเนื่องจะทำให้กองทัพมีความยั่งยืน นโยบายที่ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.คนเก่า ได้กำหนดไว้มีหลายเรื่อง และดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็เป็นนโยบายที่ดีที่เราต้องสานต่อ และนโยบายก็สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ เช่น นโยบายเรือดำน้ำ นโยบายเรือฟริเกต ที่มีการผลักดันให้ดำเนินการต่อได้โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เช่น นำอากาศยานไร้คนขับทุกประเภทมาดำเนินการต่อ ซึ่งเราก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ทางสมาคมภริยาทหารเรือ ได้มีการร่วมกันทำในเรื่องของการดูแลชั้นผู้น้อยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ในเรื่องของการใช้จ่ายเรื่องให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ในส่วนนี้เราก็จะดำเนินการต่อไป รวมถึงนโยบายที่ดีที่เราได้มีการดำเนินการต่อไปคือ นโยบาย NAVY SAFETY 2025 การทำให้กำลังพลปลอดภัย ก็จะดำเนินการต่อไปเช่นกัน เพียงแต่ว่าจะทำอะไรให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และมีความยั่งยืนมากขึ้น

เมื่อถามว่านโยบายในเรื่องของการปกป้องอธิปไตยของชาติ ในส่วนของกองทัพเรือจะมุ่งแนวทางใดเป็นหลัก พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า กองทัพเรือยืนยันในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติตามที่ได้มีการประกาศไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ในพื้นที่ทางทะเล และข้อตกลงที่อยู่บริเวณบนบกที่เรารับผิดชอบประมาณ 250 กิโลเมตร ที่จังหวัดจันทบุรีและตราด ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่มีชาวกัมพูชาอยู่ในพื้นที่ ยกเว้นชาวกัมพูชาที่เข้ามาอยู่ก่อนแล้ว และอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีชาวกัมพูชาทำงานอยู่บ้างประปราย แต่ได้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า แต่ในทางทะเล เช่น เกาะกูด เรายืนยันในการรักษาพื้นที่แนวเส้นอาณาเขตทางทะเลที่เรา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 เรายืนยันที่จะดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามนั้น ส่วนเรื่องความพร้อมที่จะให้กำลังทั้งทางเรือและทางบกในพื้นที่จันทบุรีและตราดที่เรารับผิดชอบนั้น เราก็จะสั่งการให้มีความพร้อม ซึ่งก็ได้สั่งการไปแล้วว่าให้ดำเนินการตรวจสอบแผนรายละเอียด และหากมีการขยายสถานการณ์เราก็มีความพร้อม โดยเราก็เพิ่มเติมยุทโธปกรณ์ให้กับกำลังของเรา ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ โดรนโจมตี และแอนตี้โดรน รวมถึงระบบตรวจการกลางคืน เราก็ส่งไปยังพื้นที่ที่มีการจัดสรรงบประมาณ

พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนกำลังทางทะเลเราก็ให้มีการฝึกเพื่อที่จะให้สนับสนุนกำลังทางบกของเราได้ เพราะจากที่เราประเมิน ศักดิ์สงครามของเราทางทะเลค่อนข้างสูงกว่าฝ่ายกัมพูชา เพราะที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรือรบที่มีปืนใหญ่สามารถระดมยิงอีกฝั่งนั้นได้ ตรงนี้เราก็จะให้มีการฝึกเพื่อที่จะให้มีการสนับสนุนกำลังทางบกไปในตัวด้วย

เมื่อถามว่า กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี ตราด เขายึดพื้นที่ฐานทหารเดิมทั้ง 3 หลัง เป็นการสร้างความมั่นใจให้ด้วยใช่หรือไม่ว่าเราจะสามารถดูแลพื้นที่ของเราได้ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า เป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้รับทราบว่าเราจะรักษาเส้นเขตแดนที่เป็นของเรา ส่วนบ้าน 3 หลังหรือบริเวณอื่นๆ กองทัพเรือก็พยายามกดดันมาตลอด จนมีการรื้อถอนออกไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราสามารถดำเนินการได้ทั้ง 3 หลัง ส่วนที่อื่น เช่น คูเลต หรืออาจเป็นการลุกล้ำไปสร้างถนน หรือสร้างคูเลตเข้ามาฝั่งไทย เราก็จะเข้าไปเจรจาเพื่อให้กัมพูชาเปลี่ยนเส้นทาง และกลบคูเลต ให้เป็นไปตามข้อตกลงที่มีอยู่ร่วมกัน

เมื่อถามว่าจะเริ่มด้วยการเจรจาก่อน หากไม่ร่วมปฏิบัติ ก็จะใช้ไม้แข็งใช่หรือไม่ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ครับ เรากดดันมาตลอดตั้งแต่กองทัพเรือเริ่มตรวจพบ ก็ได้มีการประท้วงและกดดัน แล้วที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีผลการตอบรับสักเท่าไหร่กับฝ่ายกัมพูชา แต่ช่วงหลังมานี้สถานการณ์มีความเข้มข้นขึ้น กัมพูชาก็ยอมรับในบางจุดมีการรื้อถอนออกไปบ้างและระงับการดำเนินการในแทบทุกจุด



คุณอาจสนใจ

Related News