“อดิศร” ท้า “อนุทิน” สาบานวัดพระแก้ว ปูดข่าวลือหนาหู ใช้ 2 พันล้านโหวตนายกฯ

“อดิศร” ลั่นได้ยินหนาหู เหม็นคลุ้งในสภาฯ ใช้ 2,000 ล้าน โหวตเลือกนายกฯ จี้ “อนุทิน” เคลียร์ตัวเอง ท้าสาบานวัดพระแก้ว หากมาโดยไม่บริสุทธิ์มีอันเป็นไป 7 วัน 9 วัน ด้าน “สนอง” ประท้วง ใส่ร้ายป้ายสี แขวะขนาดบางคนไปงานวันเกิด “ฮุนเซน” ยังไม่ว่าอะไร

วันที่ 5 ก.ย. 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระเรื่องด่วนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุม

ช่วงหนึ่ง นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยพรรค อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สนับสนุนนายชัยเกษม จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาตนได้อภิปรายการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี ตนตั้งข้อสงสัยว่าคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนที่ 32 ชื่ออนุทิน ภายใต้ข่าวลือที่นาหู ที่เหม็นคลุ้งในสภาฯ ว่ามีการใช้เงิน 1,500-2,000 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ตนไม่สบายใจ ตนไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องถูกตราหน้าว่าดังที่ข่าวลือ

วันนี้นายอนุทินต้องเคลียร์ เริ่มจาก สส.พรรคเพื่อไทย หายไป 8 คน การที่เฉยๆ แล้วหายไป ใครๆ หรือแม้แต่แมวก็รู้ หรือเด็กอนุบาลก็รู้ อยากทราบว่าตัวเลขจริงว่าจะไปรองรับให้เป็นนายกรัฐมนตรีใช้เท่าไหร่ ล็อตแรก 10 ล้าน ต่อมา 10+ 10 เป็น 30 ล้าน จริงหรือไม่ พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นไปหนุนท่าน และเป็นรัฐบาลด้วยกันต่อไป บางพรรคไม่เคยมีชื่อในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้แต่มารวมตัวเป็นพรรคการเมือง

ตนไม่อิจฉาตาร้อนได้วาระเป็นก็ต้องเป็น นายอนุทิน เหมาะสมที่จะเป็นหากภูมิหลังบริสุทธิ์ยุติธรรมและสะอาดจริงๆ คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนที่ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มีจริยธรรมที่ดี ถ้านายกรัฐมนตรีมาแบบที่ข่าวว่าโดยไม่เคลียร์กัน ตนคิดว่าเดินไปซอยไหนไม่สง่างาม จะมีการครหาว่านายกฯ 1,500 ล้าน หรือนายกฯ 2,000 ล้าน หรือนายกฯ 30 ล้าน ซึ่งไม่เป็นมงคล

ซึ่งในระหว่างที่มีการอภิปราย นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้มีการประท้วงระบุว่า เรื่องการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งหากใครก็พูดได้แต่ต้องมีหลักฐาน ที่จะมากล่าวให้ร้ายป้ายสีหรือหากมีพยานควรนำมาแสดง ขนาดบางคนไปร้องสดุดีวันเกิดฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ยังไม่ว่าอะไร

โดยนายอดิศร ได้อภิปรายเพิ่มเติมว่า ตนได้ยกนายกรัฐมนตรีที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ โอกาสของแต่ละคนตอนสนับสนุน ซึ่งคนที่ถูกพาดพิงคือนายอนุทิน ต้องตอบเอง ซึ่งท้าสาบานที่วัดพระแก้วดีหรือไม่ ว่าไม่มีการสนับสนุนเงินต่างๆ มาโดยบริสุทธิ์ และหากมาโดยไม่บริสุทธิ์ให้มีอันเป็นไปภายใน 7 วัน 9 วัน เพราะหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของเล่น ต้องบริหารราชการแผ่นดิน และตนเข้าใจและดีใจกับนายอนุทิน ที่โอกาสมาถึง แต่เมื่อเทียบอัตราปอด์นต่อปอด์น นิ้วต่อนิ้ว เซนต่อเซน สู้นายชัยเกษมไม่ได้ เพราะเป็นอาจารย์ด้านกฎหมายเป็นอัยการสูงสุด และเป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ด่างคล้อย ซึ่งพรรคที่สนับสนุนเป็นแนวทางอะไรไม่ทราบ ซึ่งมีทฤษฎีการเมืองเกิดขึ้นใหม่ ต้องรับผิดชอบในการสนับสนุนที่ตนพูดไปว่าหากมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านก็จะถูกกล่าวหาเหมือนกันว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

“ส้มเท้ง” ค้ำยันเขากระโดงหรือไม่ ผูกโยงฮั้ว สว. ไว้ปลายเสา ขัดสีฉวีวรรณมันเงา ย่องเบาอำนาจอธิปไตย เราปล่อยให้คนแบบนี้เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ภายในสถานการณ์เช่นนี้ ยืนยันตนอธิบายด้วยใจ เดินผ่านก็มีการจับมือถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องส่วนรวมท่านต้องสะอาด ต้องฟอกตัวในการถูกกล่าวหาให้เคลียร์