‘เบญจา’ จี้ 'เพื่อนรัก' ทบทวน อย่าทำสัญญากับซาตาน - ‘สว.นันทนา’ ชี้ดีลข้ามขั้ว บดขยี้ทั้งแดง-ส้ม

วานนี้ (4 ก.ย.68) น.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก  ระบุ ความอุบาทว์ ความเลวร้ายของระบบการเมืองในเวลานี้ ก็คือมีผู้กำกับการเมือง ที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจยึดกุมโครงสร้างอำนาจรัฐได้ทั้งหมด มองประชาชนเป็นเพียงเบี้ยและผู้รับชมที่กำกับให้นั่งดูตาปริบๆอยู่เฉยๆ โดยมีผู้แทนของประชาชนเป็นตัวประกอบ และพรุ่งนี้กำลังจะมาถึงฉากสำคัญการชี้ชะตาประเทศ ภาพยนต์เรื่องนี้จะได้ผู้ช่วยผู้กำกับคนใหม่ ที่เซ็นสัญญาปีศาจฉบับใหม่ เพื่อมาช่วยวางแผนการถ่ายทำ ประสานงาน ควบคุมการถ่ายทำให้เดินไปตามเป้าหมาย ทำหน้าที่เบื้องหลังการขับเคลื่อนงานของกองถ่ายทั้งหมด ภาพยนต์เรื่องนี้ ผู้ที่มารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับคนใหม่ เขาได้ทำพันธสัญญาผลิตกับปีศาจ


“ดิฉัน ยังคงเชื่อมั่นเหลือเกิน จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อนรักของดิฉันจะทบทวนหาทางออก ที่ดีที่สุด ไปจนถึงอาจจะไม่ไปทำสัญญา เป็นนักแสดงประกอบของภาพยนต์เรื่องนี้ จะไม่ไปทำสัญญาเพื่อยกวิญญาณ ความเชื่อ ศักดิ์ศรี และ ความเป็นมนุษย์ของตน ให้ซาตาน ยกประเทศทั้งประเทศนี้ให้อยู่ในอุ้งมือมาร มันเลวร้าย และโหดเหี้ยมเกินไป” น.ส.เบญจา กล่าว

ขณะที่ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ “ดีลข้ามขั้ว” บดขยี้ทั้งแดงและส้ม

ย้อนกลับไปในปี 2566 การที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรในฝั่งเสรีนิยม “ข้ามขั้ว” ไปจับมือกับพรรคสองลุง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม สร้างความแค้นเคืองแก่ผู้เลือกตั้งที่เป็นฝ่ายก้าวหน้า จนถึงขนาดคาดการณ์กันว่า เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกลจะได้เสียงเกินครึ่งสภา เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

สุดท้ายเมื่อรัฐบาลเพื่อไทย ไปไม่รอด  พรรคประชาชน กลับเสนอตัวโหวตสนับสนุนให้นายอนุทิน จากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี

การตัดสินใจเช่นนี้ สร้างคำถามแก่ด้อมส้มมากมาย โดยยังไม่ต้องคิดถึง ข้อตกลงใน MOU ว่าในสี่เดือนนี้ จะทำได้หรือไม่ (ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าทำไม่ได้ ) แค่พิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมา พรรคประชาชนคงต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้สิ้นสงสัย ก่อนที่จะไปลงมติกันในวันที่ 5 กันยายนนี้

ประการแรก พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมแบบสุดขั้ว ที่แสดงออกทั้งการอภิปรายในสภา นโยบาย การสื่อสารต่อสาธารณะ และพฤติกรรมของแกนนำพรรค เป็นเคมี ที่เข้ากันได้กับอุดมการณ์เสรีนิยมของพรรคประชาชนหรือ และการไป “อุ้มสม” กับพรรคที่มีจุดยืนต่างกันโดยสิ้นเชิง ถือเป็นการ “ข้ามขั้ว” หรือไม่

2. คดีฮั้วสว.ที่คุณอนุทินและกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกับ สว.สีน้ำเงินรวม 229 คน ที่มองจากดาวอังคารก็ยังเห็น พรรคประชาชนไม่รับรู้เลยหรือ แล้วกระบวนการฮั้วสว.นี้ คือการยึดองค์กรอิสระ ที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวไปทั้งระบบ พรรคไม่กังวลหรือ

3. คดีที่ดินเขากระโดง ที่ศาลฎีกาพิพากษาให้เป็นของการรถไฟแล้ว แต่ไม่มีการบังคับคดี พรรคก็จะปล่อยเลยตามเลย  เช่นนั้นหรือ

4. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคภูมิใจไทย และสว.สีน้ำเงิน หันหลังให้มาโดยตลอด แถมยังสื่อสารต่อสาธารณะว่าเป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคลืมวันที่พวกเขาเหล่านี้วอล์คเอ้าท์จากรัฐสภา เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามญัตติของคุณพริษฐ์ ไปแล้วหรือ

คำตอบทั้งหมดนี้ย่อมประจักษ์แก่สายตาประชาชน ในการที่พรรคประชาชนได้ทำ “ดีล” กับพรรคภูมิใจไทยแล้ว

แต่การที่พรรคประชาชนนำเอา 14 ล้านเสียงของผู้ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งปี 2566 ไปสนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมี 1 ล้านเสียง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นการขัดเจตจำนงทางการเมืองที่ผู้เลือกตั้งให้มาหรือไม่?

6 ปีที่สร้างมา จะสูญเปล่า กับการตัดสินใจ “ข้ามขั้ว” เพียงครั้งเดียว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Q89U0XKisg4