เลือกตั้งและการเมือง

"มาริษ" คุยรัฐภาคีออตตาวา มอบหลักฐาน ปมกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาทุ่นระเบิด

โดย nutda_t

28 ส.ค. 2568

86 views

ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 27 ส.ค. 68 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับ นางสาวอิชิกาวะ โทมิโกะ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมด้านการลดอาวุธ ประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22 (อนุสัญญาออตตาวา) และ นางสาวแคโรลีน-เมลานี เรกิมบัล หัวหน้าสำนักงานกิจการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (UNODA) ณ นครเจนีวา ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใต้อนุสัญญาออตตาวาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพื่อหารือถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา และรายงานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ทั้ง 3 ฝ่าย ได้ใช้เวลาในการหารือร่วมกันประมาณ 40 นาที

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมหารือกับสมาชิกรัฐภาคีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมประมาณ 14 คน อาทิ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส , นอร์เวย์ , เยอรมนี , เบลเยี่ยม และผู้แทนของสหภาพยุโรป เป็นต้น โดยในกลุ่มนี้ มีประเทศผู้บริจาคแก่กัมพูชา ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย

นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือกับสมาชิกรัฐภาคีออตตาวา ว่า ประเทศเหล่านี้สนใจมาร่วมรับฟังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้แสดงหลักฐานต่างๆ ที่ไทยประสบปัญหาของการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา การละเมิดอำนาจอธิปไตย ที่กัมพูชาเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุด มีการทหารเหยียบกับระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้ยื่นประท้วงและเรียกร้องให้รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ร่วมกันเรียกร้องให้กัมพูชามาชี้แจงในสิ่งที่เกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ถือเป็นโอกาสดีที่ตนได้ยื่นหลักฐาน และข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการตามกลไกอนุสัญญาออตตาวา

นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบปะครั้งนี้ ทุกส่วนให้ความชื่นชมบทบาทประเทศไทยเป็นอย่างมาก แม้ไทยเป็นผู้ถูกกระทำ แต่เราใช้มาตรการตอบโต้ที่เป็นมืออาชีพอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และได้สัดส่วนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มุ่งเป้าหมายไปที่ทหารเพื่อยุติการรุกรานของกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ

ซึ่งประเทศที่เป็นสมาชิกของรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เช่น ทูตของนอร์เวย์ เยอรมัน เบลเยียม และเปรู ได้ผู้ชัดเจนและขอบคุณประเทศไทย ที่ใช้ความยับยั้งชั่งใจ และชื่นชมว่าเราตอบโต้โดยใช้มาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง เพื่อที่จำกัดการสูญเสียหรือจำกัดปฏิบัติการให้อยู่ในกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งในนามของรัฐบาลก็ต้องชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกองทัพที่ทำงานร่วมกัน

นายมาริษ กล่าวว่า ทุกประเทศที่เข้าร่วมต่างรับฟังในสิ่งที่ตนได้อธิบาย และได้ชื่นชมว่าเราดำเนินการทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมาย ระหว่างประเทศ และใช้กลไกของตัวเองในการแก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพ และมีประสิทธิภาพมาก นอกจากนี้ทุกประเทศยังชื่นชมและสนับสนุน ในสิ่งที่ตนได้กล่าวหลายครั้งว่าเราใช้กรอบของการเจรจาทวิภาคีในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งสิ่งนี้ตนพยายามยืนยันให้ฝ่ายกัมพูชาได้ตระหนัก และให้มิตรประเทศทั้งหลายได้เข้าใจว่า นอกจากเราได้ปฏิบัติตามกฎและใช้กลไกต่างๆ ตามกฎบัตรสหประชาชาติแล้ว เรายังพร้อมที่จะเจรจาแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศทั้งสองโดยใช้กลไกการเจรจาสองฝ่าย ที่มุ่งเน้นในเรื่องของสันติภาพสันติวิธีอย่างจริงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้รับการที่ชมเป็นอย่างมากและทุกประเทศได้ด้วยการสนับสนุนในเรื่องนี้

และบอกว่า การมาในครั้งนี้ด้วยตัวเองในฐานะรัฐมนตรี ก็แสดงให้เห็นของความจริงใจและความตั้งใจ เราได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก ประกอบเหตุการณ์ทุ่นระเบิดล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นครั้งที่ 6 ทุกประเทศก็แสดงความเสียใจ ที่เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนให้ประเทศไทยใช้กลไกของสหประชาชาติต่อไป โดยแต่ละประเทศพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในการผลักดันให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัมพูชาให้มาร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่

"ผมขอเรียนว่า การที่เดินทางมาครั้งนี้ เราได้ยื่นเอกสารคำชี้แจง หลักฐานทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักในการพิจารณา ในกรอบขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรอบของอนุสัญญาออตตาวาต่อไป ซึ่งทุกประเทศภาคีสมาชิกก็ได้ยืนยันกับผมว่า จะช่วยเหลือและผลักดันให้กระบวนการพิจารณาภายใต้กรอบอนุสัญญาออตตาวา เป็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ก็คือ ณ ขณะนี้ ต้องการคำชี้แจงจากกัมพูชา เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดน เขาละเมิดข้อตกลงอนุสัญญาออตตาวา" นายมาริษ กล่าว

นายมาริษ ยังย้ำด้วยว่า หลักฐานที่ตนได้ยื่นไปนั้น มีน้ำหนักอย่างแน่นอน เมื่อทางประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวาได้รับไป และจะต้องให้ความเป็นธรรม โดยพิจารณาและนำเอาหลักฐานทั้งหลายมา วิเคราะห์และประเมิน ถึงสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยหลักฐานทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่เราได้ชี้แจงมาโดยตลอดและเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถพิสูจน์ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 28 ส.ค. นายมาริษ มีกำหนดการเข้าพบ นางมีรยานา สปอลยาริส เอ็กเกอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ต่อไปด้วย ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย

คุณอาจสนใจ

Related News