“มาริษ - ผบ.ทอ.” ร่วมพิธีลงนามจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพน อีเอฟ ระยะที่ 1

“มาริษ - ผบ.ทอ.” ร่วมพิธีลงนามจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพน อีเอฟ ระยะที่ 1 จำนวน 4 ลำแรก วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมีแผนจัดซื้อทั้งหมด 12 ลำ จัดซื้อทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-16

ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคม โดยวันนี้ (25 ส.ค. 2568) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ความตกลงในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน 3 ฉบับ ประกอบด้วย

(1) ความตกลงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพนระหว่างไทยกับสวีเดน

Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมีพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนาม

(2) ความตกลงการมอบอำนาจการดำเนินการของรัฐบาลสวีเดนแก่หน่วยงานของฝ่ายสวีเดน

(3) ความตกลงนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Offset policy) ระหว่างกองทัพอากาศกับบริษัท SAAB AB

ซึ่งเป็นการลงนามจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน ครั้งนี้ ฝ่ายไทยลงนามโดยพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารทหารอากาศ โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นสักขีพยาน

ขณะที่ฝ่ายสวีเดน Mr.Mikael Granholm, Director General, The Swedish Materiel Administration  โดยมี Dr. Pal Jonson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสวีเดนเป็นสักขีพยาน

การลงนามครั้งนี้เแ็นการลงนามในสัญญาจัดซื้อ 4 ลำแรก โดยมีแผนจัดซื้อทั้งหมด  12 ลำ หรือ 1 ฝูงบิน ซึ่งเป็นการจัดซื้อทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-16 เนื่องจากบรรจุประจำการมานานกว่า 37 แล้ว

สำหรับแผนการจัดส่งเครื่องบิน ทางสวีเดนจะเริ่มจัดส่งในปี 2572 ถึง 2577 โดยกำหนดจัดส่งปีละ 2 ลำ ครบ 1 ฝูงบิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค. 2568) นายมาริษ จะมีการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน โดยจะใช้โอกาสนี้พูดคุยทำความเข้าใจสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย เรื่องจากสวีเดนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก

นายมาริษ กล่าวว่า ใช้โอกาสนี้ยืนยันว่ามาตรการต่างๆ ที่ประเทศไทยใช้ในการแก้ปัญหากัมพูชาตั้งแต่แรกเริ่ม เรามุ่งเน้นการใช้การเจรจาสองฝ่ายหรือทวิภาคี หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง และแสดงความต้องการแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาโดยสันติและจริงใจระหว่างกันมาโดยตลอด โดยได้เตรียมหลักฐานเพื่อนำมาชี้แจงให้รับฟังด้วย

ก่อนที่จะเดินทาง ไปยังนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายกัมพูชา และในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา ร่วมถึงการเข้าพบกับ ประธาน คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ด้วย