เปิดคำชี้แจง ‘แพทองธาร’ แก้ข้อกล่าวหา คดีคลิปเสียงคุย ‘ฮุน เซน’

คดีของนายกรัฐมนตรี หลังศาลมีคำสั่งให้นายกฯ ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในคดี โทรคุยกับ “ฮุน เซน” และนัดใต่สวนคดี 21 ส.ค.นี้ ปรากฎว่าเมื่อวานนี้ มีเอกสารแก้ข้อกล่าวหาของนายกฯ หลุดออกมา

โดยเอกสารแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรีมีทั้งหมด 81 หน้า เป็นเอกสารที่ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งไปยังประธานวุฒิสภาในฐานะผู้ร้องให้รับทราบ ถึงรายละเอียดการแก้ข้อกล่าวหา ของนายกรัฐมนตรี มีการประทับตรา รับเอกสารโดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

ซึ่งในการยื่นแก้ข้อกล่าวหาครั้งนี้ พบว่า นายกฯขอให้ไต่สวนพยานบุคคล 5 ปาก ได้แก่ นายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการ สมช. ซึ่งศาลอนุญาตเพียงคนเดียว

ส่วนคนอื่นๆ ศาลไม่อนุญาต ประกอบด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย/ พลเอก ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา พลโท พุฒิพงษ์ ชีพสมุทร เจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร และ นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อดีตทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น ในฐานะผู้ชำนาญด้านการต่างประเทศ

สำหรับรายละเอียดใน แก้ข้อกล่าวหา นายกรัฐมนตรีไล่เลียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่มีสถานการณ์มา เมื่อเดือนพฤษภาคม จนกระทั่งเหตุการณ์คลิปเสียงหลุด ซึ่งนายกฯพยายามเน้นย้ำถึงความเป็นเอกภาพ ในการทำงานร่วมกับกองทัพเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

นายกฯชี้แจงว่า การสนทนากับ ฮุน เซน ในฐานะประธานวุฒิสภากัมพูชา นั้น ฮุน เซน ไม่ได้อยู่ในสถานะผู้นําของรัฐบาลกัมพูชา และไม่มี ข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่า ตนจะนําผลประโยชน์ของประเทศไทยไปแลกเปลี่ยนกับต่างชาติ มีเพียงแต่ การพยายามเจรจาต่อรองเงื่อนไขเพื่อให้สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาคลี่คลายลง

ส่วนประเด็นข้อความ ที่ผู้ร้องเห็นว่า ไม่ควรเรียกผู้นําประเทศที่กําลังมีการปะทะกันว่า uncle และยัฃมีการแจ้งว่า “อยากอะไรก็ให้บอกมาได้เลยเดี๋ยวจัดการให้” นั้น

เรื่องนี้ นายกฯ ชี้แจงว่า เจตนาเพื่อต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อนซึ่งเป็นหลักการสําคัญของ การเจรจา เพื่อจะได้นํามาพิจารณาเจรจาต่อรองเงื่อนไข ที่จะนําไปสู่การยุติความตึงเครียด

ส่วนการเรียกฮุน เซน ว่า “uncle” เป็นการแสดงมารยาทที่ตนรักษาปฏิบัติเรื่อยมาเป็นปกติในการเจรจากับคู่สนทนาอย่างไม่เป็นทางการ

ส่วนถ้อยคําที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 พลโท บุญสิน พาดกลาง ว่าเป็น “ฝั่งตรงข้าม” นั้น เนื่องจาก ทราบว่า นายฮุน เซน มีความไม่พอใจ แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นการเฉพาะเจาะจง

ตนเองจําเป็นต้องใช้เทคนิคการเจรจาที่ แบ่งแยกปัญหาออกจากตัวบุคคล ไม่ได้เป็นการตําหนิติเตียนในทางลบหรือแสดงให้เห็นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการอธิบายต่อฝ่ายกัมพูชาในเชิงสร้างความเข้าใจว่าฝ่ายบริหารของไทยมีเจตนาที่จะรักษาสันติ

อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดความเข้าใจผิดขึ้น ตนก็ได้มีการชี้แจงและกล่าวคําขอโทษต่อแม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องความผิดทางจริยธรรมนั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ตนเองมิได้กระทำการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ซึ่งบัญญัติให้ข้าราชการการเมืองต้อง ปกป้องดูแล ยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

ไม่ประพฤติตน อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ต่อเกียรติภูมิของชาติ และไม่มีการกระทำใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/My3boXi674o