เลือกตั้งและการเมือง

“แพทองธาร” เริ่มงานแรก สั่งเบรกของบคืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อเอาผิดคนปล่อยเฟกนิวส์

โดย nicharee_m

4 ก.ค. 2568

217 views

“แพทองธาร” เริ่มงานแรก สั่ง วธ.เบรกของบคืนวัตถุโบราณกัมพูชา ชี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จ่อแจ้งความเอาผิดคนปล่อยเฟกนิวส์ปลุกปั่น ปมคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา “ไม่เป็นความจริง” เผยตั้งแต่ปี 2558 ไทยส่งคืนไป 23 รายการ ในยุครัฐบาล “ประยุทธ์”

วันที่ 4 ก.ค.2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม

โดยนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่ได้ฟังจากทุกคนว่าแต่ละหน่วยงาน แต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง

ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชามีมาตั้งแต่สมัยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้วจำนวน 23 รายการ หลังตรวจสอบว่าเป็นของประเทศกัมพูชา จึงดำเนินการส่งมอบคืน จากทั้งหมด 43 รายการ ที่นำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ ในปี พ.ศ.2543 และเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2567 มีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ส่งมอบคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 รายการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังกรมศิลปากร และผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่าวัตถุโบราณดังกล่าวมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศกัมพูชา

และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร ซึ่งได้รับรายงานว่า งบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอ และเป็นเรื่องไม่เร่งด่วน จึงไม่สามารถของบกลางได้ และจะต้องมีการส่งเรื่อง เพื่อตั้งงบประมาณของกระทรวงฯ และรายงาน ครม.เพื่อทราบ เป็นขั้นตอนต่อไปในการหาหน่วยงานที่จะมาสนับสนุนงบประมาณในการส่งคืน

นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า ที่สำคัญสถานการณ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ขณะนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมจึงมีความเห็นให้ทบทวน เรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสม ก่อนย้ำว่า ให้ทบทวนก่อน ส่วนเรื่องตั้งงบประมาณค่อยมาว่ากันอีกที ซึ่งที่เหลืออยู่ก็จะยังไม่ส่งมอบคืน

ขณะที่ประเด็นที่ 2 คือ เรื่องกลุ่มประสาทตาเมือน กระทรวงวัฒนธรรม ขอยืนยันว่า กลุ่มประสาทตาเมือน ยังเป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และมีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานตามกฎหมายว่า ด้วยโบราณสถาน พ.ศ.2505

ส่วนพื้นที่ภาคอื่นๆ ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า จะรีบดำเนินการรักษาไว้ซึ่งดินแดน และอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน และวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่มีสื่อมวลชนอยู่ด้วย ในการปล่อยข่าวของการปลุกปั่นต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลเสีย และเกิดผลกระทบ ตนต้องดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว ซึ่งอันที่จริงการแสดงความคิดเห็นเรื่องการว่ากล่าวธรรมดา ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่การปล่อยข่าว เรื่องที่ตนส่งมอบวัตถุโบราณไปแล้ว ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมทราบอยู่แล้วว่า ไม่จริง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่อยากทำนอกจากเรื่องซอฟต์พาวเวอร์แล้ว คือ มาตรการการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยโดยให้เงินคืน หรือ Cash Rebate ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดทำให้กับชาวต่างชาติที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนการคืนเงินสูงสุด 30% จึงอยากทำให้คนไทยที่ทำภาพยนตร์เอง ซึ่งก็อยากสนับสนุนให้ภาพยนตร์ไทยไปได้ไกลมากกว่านี้

และวันนี้ก็จะได้รับรู้รายละเอียด จากกระทรวงวัฒนธรรมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ติดขั้นตอนไหนบ้าง และมีเรื่องอะไรที่ควรจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องบ้าง ก็อยากจะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย ให้ไปไกลมากยิ่งขึ้น เพราะเรามีภาพยนตร์ไทยที่ดีแล้ว เราสามารถโฆษณาแฝง หรือ Tie-in สิ่งของต่างๆ สินค้าต่างๆ รวมไปถึงวัฒนธรรมเข้าไป ก็จะเป็นรูปแบบของซอฟพาวเวอร์ที่จะนำเรื่องดีๆ ของไทยออกสู่สายตาชาวโลกได้ง่ายขึ้น จึงอยากสนับสนุน

อีกหนึ่งประเด็น คือ อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่ริเริ่มมานาน ซึ่งอยากจะทำในส่วนนี้อย่างเร่งด่วน หรือ Quick Win ใน 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ภาพยนตร์, อาหาร, มวยไทย และ Wellness ซึ่งตนคิดว่า จะสามารถยกระดับซึ่งตนคิดว่าใน 4 อุตสาหกรรมนี้ จะสามารถยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และส่งเสริมศักยภาพ สร้างงาน และไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวร้านอาหาร หรือโรงแรม และอะไรที่สามารถเชื่อมโยงกับกระทรวงวัฒนธรรมได้ก็มีความยินดีที่จะสนับสนุน และส่งเสริมทั้งภาครัฐ และเอกชน และวันนี้จะมาลงเรื่องการทำงานให้เห็นผลงานเป็นรูปธรรมโดยเร็ว


คุณอาจสนใจ

Related News