เลือกตั้งและการเมือง

ศาลปกครองแจง ไม่ได้สั่ง ‘ยิ่งลักษณ์’ จ่ายหมื่นล้าน ชดใช้คดีจำนำข้าว แค่เพิกถอนคำสั่งเดิมบางส่วน

27 พ.ค. 2568

202 views

ตุลาการศาล ปค. แจงไม่ได้สั่ง 'ยิ่งลักษณ์' ชดใช้คดีข้าว แค่เพิกถอนคำสั่งเดิมบางส่วน ชี้ 'ยิ่งลักษณ์' เอี่ยวคดีระบายข้าวในฐานะ จนท.รัฐ ไม่ใช่ นายกฯ

วานนี้ (26 พ.ค.) รศ.ดร.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาสัมพันธ์ศาลปกครอง เปิดเผยกับทีมข่าว ถึงกรณีสำนักงานศาลปกครอง ออกเอกสารข่าวชี้แจงข้อกฎหมายคดีฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกว่า การชี้แจงดังกล่าว เป็นการอธิบายว่าศาลไม่ได้มีคำพิพากษาหรือออกคำบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนใหม่ แต่เป็นกรณีที่มีคำสั่งของกระทรวงการคลังเรียกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้อยู่แล้ว ศาลจึงมาตรวจสอบให้ว่าส่วนใดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ และส่วนใดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิด

รศ.ดร.สายทิพย์ อธิบายว่าคดีมีมูลเหตุ มาจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดนคำสั่งของกระทรวงการคลังให้ชดใช้ค่าสินไหมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก 35,000 ล้านบาทเศษทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้สิทธิ์ฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองสูงสุด พบว่าคำสั่งของกระทรวงการคลัง มีการอ้างเหตุแห่งความเสียหายในหลายขั้นตอน

โดย มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดจริงๆ คือส่วนของความเสียหายในขั้นตอนการปฏิบัติตามนโยบายการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เท่านั้น เนื่องจากในขั้นตอนนี้มีการรายงานการทุจริต จากหลายหน่วยงาน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานนโยบายการข้าวแห่งชาติ กลับไม่เอาใจใส่ดูแล ละเว้น เพิกเฉย ละเลย ไม่ติดตามให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ถือเป็นการทำหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ทางปกครองในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่หน้าที่ในมิติของการเป็นหัวหน้ารัฐบาล

ศาลจึงวินิจฉัยว่า คำสั่งที่ให้ชดใช้ กว่า 35,000 ล้าน นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องรับผิดชดใช้ทั้งหมด แต่ต้องรับผิดชดใช้เฉพาะในส่วนความเสียหายจากการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ คือ 10,028 ล้านบาทเศษ ในขณะที่ส่วนอื่นๆ เห็นว่าเป็นเรื่องของการทำนโยบายในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งไม่ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนั้น

สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ รศ.ดร.สายทิพย์ กล่าวว่า จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ที่จะต้องไปเรียกให้มีการชดใช้ ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องมีคำสั่งใหม่เพราะ ในคำพิพากษาระบุชัดเจนว่า เพิกถอนเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 10,028 ล้านบาทเศษ

อีกประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการที่ตุลาการ 2 ท่านมีชื่ออยู่ในคำพิพากษาแต่กลับไม่ลงนาม และพบว่าปัจจุบันทั้งสองพ้นจากความเป็นตุลาการไปแล้วนั้น รศ.ดร.สายทิพย์ ชี้แจงว่า คดีนี้ มีการพิจารณาทั้ง ในรูปแบบองค์คณะ และ การพิจารณาในที่ประชุมใหญ่

ซึ่งในชั้นขององค์คณะมีการพิจารณาไปเมื่อ 12 กันยายน 2566 โดยองค์คณะมี 5 ท่าน แต่ต่อมา มีการเสนอให้นำคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เพราะถือเป็นคดีสำคัญ เพื่อให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนกว่า 50 คนได้พิจารณา เมื่อที่ประชุมใหญ่พิจารณาวินิจฉัยเสร็จแล้ว องค์คณะจึงได้นำคำวินิจฉัยไปยกร่างเป็นคำพิพากษา ตามมติที่ประชุมใหญ่

ส่วนที่มีชื่อตุลาการสองท่าน ไม่ได้ลงนามและพ้นตำแหน่งไปแล้วนั้น รศ.ดร.สายทิพย์ อธิบายว่า เหตุที่ต้องมีการระบุชื่อทั้งสองท่านอยู่ เนื่องจากทั้งสองท่านได้ร่วมพิจารณาในชั้นขององค์คณะ 5 คน ไปเมื่อ 12 กันยายน 2566 ก่อนพ้นตำแหน่ง ( 1 ท่านเกษียณ ,1 ท่านลาออก) จึงต้องมีการระบุชื่อเพื่อร่วมรับผิดชอบในคำพิพากษานี้ ซึ่งถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเนื่องจาก กระบวนการพิจารณาคดีมีความคาบเกี่ยว กับการที่ตุลาการบางท่านต้องเกษียณอายุไปก่อน ทำให้ในวันอ่านคำพิพากษา จึงไม่ได้อยู่ลงลายมือ


https://youtu.be/WYwLmFChd7s

คุณอาจสนใจ

Related News