เลือกตั้งและการเมือง
‘สว.ฉัตรวรรษ’ ขอโทษ กกต.ใช้คำรุนแรง ดูก้าวร้าว แจงคิดว่าแค่คุยธรรมดาไม่ใช่ให้สัมภาษณ์สื่อ
16 พ.ค. 2568
15 views
สว.ฉัตรวรรษ ขอโทษ กกต. ใช้คำก้าวร้าว ยันไม่คิดเป็นการสัมภาษณ์สื่อ คิดแค่คุยธรรมดา เตรียมนัดคุยเพื่อน สว. ที่ถูกหมายเรียก 19 พ.ค.ขอตั้งหลักก่อน ยังไม่รู้จะแจงอะไร
วานนี้ 15 พ.ค. 2568 พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา แถลงชี้แจงกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลธรรมนูญ มีมติสั่งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฎิบัติหน้าที่กำกับดูแลกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า จากข่าวที่ถูกนำเสนอเหมือนการใช้คำรุนแรงนั้น ถือเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์กับสื่อมวลชนกันธรรมดา เป็นพี่เป็นน้องอาจใช้คำพูดในลักษณะหนึ่ง ที่มีนักข่าวผู้หญิงโทรศัพท์ หาตนซึ่งเพิ่งลงจากเครื่อง และสื่อไม่ได้บอกว่าจะขอเป็นข่าว ส่วนการแถลงข่าวคือการแถลงข่าว ต่อสาธารณะในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนักข่าวได้สอบถามกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอซึ่งตอนนั้น ตนจำไม่ได้ทั้งหมดว่าพูดคุยอะไรไปบ้าง แต่ดูจากภาพข่าวเข้าใจได้ว่า ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ สิ่งที่เห็นว่าไม่สมควรคือการพูดคุยไม่น่าไปอัดคลิป และนำไปออกข่าวนำเสนอ ถ้าบอกก่อนว่าจะอัดคลิป ไปเสนอข่าวจะใช้คำพูดอีกแบบ แต่ถ้าพูดคุยกันธรรมดา จะพูดคุยตามประสา
พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่าวันนี้ จึงมาขอโทษที่ พูดไปทำให้สังคมเข้าใจว่า ตนเป็นคนที่ไม่มีเจตนาก้าวร้าว ไม่เคารพในองค์กร ขออนุญาตบอกว่าตนไม่มีจิตใจเป็นเช่นนั้น การแถลงข่าวทุกครั้งจะเคารพทุกองค์กรและขอโทษสังคมจริงๆ ต่อข่าวที่ได้เผยแพร่ไป และไม่ถือโทษโกรธผู้ที่อัดคลิป แม้จะมองว่าเป็นการผิดจริยธรรมของสื่อมวลชน ตนพร้อมที่จะให้ข้อมูล แต่ต้องบอกว่าอัดคลิปหรือเชิญไปให้สัมภาษณ์ ก็จะตอบให้ จึงอยากมาชี้แจงและขอโทษโดยเฉพาะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกเรื่องพร้อมที่จะพิสูจน์ สว.ทุกคนก็พร้อม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายทำด้วยความสุจริตและโปร่งใสเราพร้อมหมด แม้กระทั่งการไปชี้แจงต่ออนุกรรมการ กกต. หรือในส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนข้อเท็จจริง คือข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงอาจจะจริงหรือเท็จก็ได้ ในส่วนที่เรารับทราบมา ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าข้อมูลที่จะไปให้การต่ออนุกรรมการกกต. แม้จะเป็นคนหนึ่งที่ได้รับหมายเรียก
พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า ในฐานะเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ การเชิญกลุ่มคนมาให้ถ้อยคำหรือเป็นพยานต้องชี้แจงประเด็นว่าจะ สอบประเด็นใดบ้าง ไม่ใช่แจ้งข้อหาผิด เกี่ยวกับการกระทำ เท่าที่ได้อ่านเอกสารดู ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปตอบประเด็นใด ทั้งนี้อยากย้อนกลับไปยังผู้ตั้งคำถามที่กล่าวหา ว่ามีประเด็นที่จะให้ตอบหรือไม่อย่างไร และในเอกสารระบุว่าจะไปให้ถ้อยคำหรือไม่ไปก็ได้ พร้อมให้มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดติดตามไปด้วยก็ได้ 1 คน ซึ่งถ้าสอบกันโดยเที่ยงธรรมก็ต้องสอบทั้ง 200 คน ไม่ใช่จะเอากลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วไปตั้งสีนั้นสีนี้ ตนไม่เข้าใจ ไปแล้วไม่สามารถไปตอบคำถามท่านได้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องดูเหตุและผล โดยจะหารือกับสมาชิกวุฒิสภาทุกคน ที่ถูกเรียกหรือที่จะต้องถูกเรียกในอนาคตให้เป็นรูปแบบเดียวกัน ยังมีเวลาอยู่ก่อนจะถึงวันที่ 19 พ.ค.
“ผมในฐานะตำรวจอาชีพการพูดคุยกับใครหรือการอัดคลิป ถือว่าไม่ให้เกียรติ ควรมาพูดคุยกัน ยิ่งถ้าเป็นผู้บังคับบัญชาสายตำรวจเรียบร้อยเลย เราไม่เคยกระทำ ผมไม่ถือโทษ แต่ต้องขอโทษสังคมหากข่าวที่เสนอไปกระทบสังคมไม่ว่าองค์กรใดโดยเฉพาะกกต. ผมมีความเคารพเพราะการได้มาของผม กกต. พิจารณาว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมแต่ตอนนี้เมื่อมีการร้องเรียนก็ต้องทำไปตามกระบวนการ ผมพร้อมรับทุกเงื่อนไขทุกกรณีที่กกต.พิจารณาวินิจฉัย เรื่องการได้มาสว. ตามรัฐธรรมนูญ”
ส่วนสาเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่ขอก้าวล่วง แต่การดำเนินการของดีเอสไอมีความไม่โปร่งใส ทำให้ประชาชนที่ถูกเรียกสอบเป็นพยานโดยเฉพาะในจังหวัดอำนาจเจริญทำให้สว. อำนาจเจริญได้รับความเดือดร้อนจากคนที่ถูกพนักงานสอบสวนของดีเอสไอสอบสวน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม รู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ จึงร้องเรียนมาที่ สว. อำนาจเจริญและนำมาเสนอที่วุฒิสภา ซึ่งตนพิจารณาแล้วเห็นควรให้ยื่นเพิ่มเติมไปต่อศาลรัฐธรรมนูญเพราะมองว่าการสอบสวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินแต่เป็นการได้ว่าซึ่ง สว. ซึ่งไม่เข้าข่ายคดีพิเศษ แต่จะเป็นเพราะประเด็นนี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่อาจก้าวล่วงการพิจารณาของศาลได้
ส่วนแนวทางการต่อสู้ประเด็นข้อกล่าวหาเรื่องสัญญาว่าจะให้ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า การจะต้อสู้คดีเราจำเป็นต้องได้ข้อเท็จจริงจากข้อกล่าวหาก่อนว่าตนไปสัญญาว่าจะให้กับใครที่ไหนอย่างไรเพื่อให้มีประเด็นที่จะไปตอบคำถาม ถ้าบอกแค่ว่ามีความผิดเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว. แบบกว้างๆ ตนก็ไม่รู้ว่าจะไปตอบประเด็นไหน ซึ่งวันนี้ตนกลับมาอ่านเอกสารแล้วจะกลับไปทำคำชี้แจงของตัวเอง ยืนยันว่าจะชี้แจงอย่างแน่นอนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์แต่จะต้องเป็นขั้นเป็นตอน แต่ถ้า กกต. ไม่เชื่อตรงไหนจะกำหนดวันไปชี้แจงด้วยตนเอง
ส่วนการนัดหารือกับเพื่อนสว. ที่ถูกออกหมายเรียกและคาดว่ากำลังจะถูกออกหมายเรียกนั้น พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงของแต่ละคนเป็นอย่างไรและในแต่ละพื้นที่บริบทไม่เหมือนกันคงจะไปชี้แจงแทนใครไม่ได้ แต่รูปแบบการชี้แจงและการได้มาคงคล้ายคลึงกัน
สำหรับกรณีที่ สว. ไม่เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 นั้น พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ ย้ำว่า ไม่ได้เป็นการต่อสู้ แต่เป็นการพิสูจน์ การได้มาซึ่งสว. ทุกคน เราพร้อมให้พิสูจน์ เราไม่ได้ไปรบกับใคร แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียวมาตลอดจากการให้สัมภาษณ์สื่อ แต่เราไม่มีอะไรไปต่อสู้ทั้งที่ทุกวันนี้เราแทบจะเป็นจำเลยของสังคม แต่เราก็ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อ ตราบใดที่ กกต.รับรองเราว่ามาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเสนอมาที่ เลขาธิการวุฒิสภารับรองให้เราปฏิบัติหน้าที่ เราก็ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่ให้ไว้เท่านั้น ไม่ได้ไปก้าวก่าย
เมื่อถามว่ายอมรับกรมตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 แล้วหรือไม่ พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ กล่าวว่า เขาได้พยานจากไหนตนไม่ทราบ แต่เมื่อมาประเมินแล้วว่าในชุดนี้มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอด้วย จึงน่าจะรับการตรวจสอบของดีเอสไอทั้งหมดเข้ามาพิจารณาและใช้อำนาจอนุกรรมการ กกต. เรียก สว.เข้าไปให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารไปชี้แจง ซึ่งเราอาจต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เพราะอาจมี สว.ติดภารกิจหรือเดินทางไปต่างประเทศ และส่วนตัวจะขอตั้งหลักก่อนพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/2Za4ipfPV5g
แท็กที่เกี่ยวข้อง สว.ฉัตรวรรษ ,กกต. ,ก้าวร้าว