เลือกตั้งและการเมือง
หมัดต่อหมัด “ชวน” ย้อน “ทักษิณ” ผู้แทนฯ เฒ่าสุด อยู่เพื่อไทย กรีดทำการเมืองไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว
โดย JitrarutP
9 ม.ค. 2568
375 views
แลกหมัดต่อหมัด! “ชวน” ย้อนเกล็ด “ทักษิณ” ผู้แทนฯ เฒ่าสุด อยู่ในพรรคเพื่อไทย 2 คน หลังอีกฝ่ายปราศรัย “แก่แล้วยังลงเลือกตั้งอยู่” กรีดทำการเมืองไม่ใช่มาป้อง “ธุรกิจครอบครัว” ลั่นผมคนรุ่นไม่โกง-ซื้อเสียง ไร้ความแค้นส่วนตัว ย้ำทำไม่ดีกับบ้านเมืองจะมีปัญหา ย้อนวรรคทองเคยทำนาย “ทำประเทศเป็นธุรกิจ ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่” เห็นเป็นจริง
นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย ที่ จ.เชียงราย “มีอยู่คนหนึ่งหาว่าเราสร้างความวุ่นวาย ตั้งแต่แพ้การเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ก็แค้นจนถึงทุกวันนี้ เขตเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาแค่ 47 คน แก่แล้วยังลงเลือกตั้งอยู่” ว่า สิ่งที่ตนพูด พูดตามความเป็นจริง ไม่ได้ว่าใคร และเราต้องรักษาประชาธิปไตย
ดังนั้นหลักที่จะอยู่ได้คือต้องไม่ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องรักษาหลักนิติธรรมเอาไว้ถ้าไม่รักษาความเป็นธรรมจะไม่เกิดขึ้นคนที่ได้เปรียบคือคนที่ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้นตนย้ำเสมออะไรที่ไม่ยึดหลักกฎหมาย เล่นพวก เหมือนสมัยที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ว่ารัฐบาลมีโอกาสเลือกหลักคือนิติธรรมกับกฎหมายกับเลือกพวก ซึ่งน่าเสียดายที่รัฐบาลเอาพวก เช่น กรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนเป็นคนแรกแรกที่เตือนหมอ โดยส่งหนังสือถึงเลขาธิการแพทยสภา ต้องปกป้องหมอไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าจะมีการทำอะไรบางอย่างที่น่าจะไม่ถูกต้อง อย่าไปเซ็นรับรองหรือให้ความเห็นใดก็ตามมิฉะนั้นจะย้อนกลับมาสู่หมอเองในวันข้างหน้าซึ่งขณะนี้ก็กำลังมีปัญหาอยู่
ซึ่งเลขาธิการแพทยสภา ก็มีส่วนช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะมีคนร้องเรื่องนี้ การที่นายทักษิณปราศรัยและพาดพิงตนว่าสูงอายุแล้วยังจะสมัครผู้แทนอยู่นั้น ว่าตนสมัครผู้แทนเมื่ออายุครบตามกำหนด และอายุน้อยที่สุดในสมัยนั้นก็คือตนกับนายอุทัย พิมพ์ใจชน โดยได้เป็นผู้แทนพร้อมกับพ่อของนายทักษิณ และเหลือตนอยู่คนเดียวที่เป็นต่อเนื่องทุกสมัยมาจนถึงปัจจุบัน รวม 17 สมัย ซึ่งตนไม่ได้เข้ามาการเมืองเพื่อธุรกิจ เพราะตนมีทางเลือกว่าจะสอบเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการ โดยตนเป็นเนติบัณฑิต และในรุ่นมี 130 คน เกือบทั้งหมดเป็นผู้พิพากษา อัยการ ประธานศาลฎีกา และองคมนตรี แต่ตนเป็นคนเดียวที่มาเล่นการเมือง เพราะต้องการเป็นปากเสียงให้ชาวบ้าน ไม่ได้หวังผลส่วนตัวหรือธุรกิจ เพราะตนไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัว ไม่ได้มาเพื่อจะเอาประโยชน์ให้กับครอบครัว
ดังนั้นตนเป็นต่อเนื่อง ความคิดที่จะเลิกเมื่ออายุมากนั้น ไม่มี เพราะคิดว่ายังทำงานให้กับประชาชนได้อยู่ แต่ถ้ามาทำธุรกิจได้กำไรแล้วก็เลิกนั่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และในสภาคนที่อายุมากที่สุดก็ไม่ใช่ตน แต่เป็น พลตำรวจโท วิโรจน์ เปาอินทร์ และ นายไพโรจน์ โล่สุนทรซึ่งทั้ง 2 คนนี้อยู่พรรคเพื่อไทย และเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ แม้จะทำงานไม่มากเท่าตน แต่ก็ยังอยู่ในการเมือง
“ถ้าจะเจาะจงผม ก็มีคน 2 คนที่อยู่ในพรรคท่าน อายุมากกว่าผม”
นายชวน ยอมรับว่า ตนเองอยู่มานาน คนรุ่นใหม่อาจมีความรู้ดีกว่าเรา แต่ข้อมูลบางเรื่องคนรุ่นใหม่จะไม่มีความพร้อม การที่นายทักษิณบอกว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ ตนเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า คือรุ่นไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ยึดมั่นระบบรัฐสภา ตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยยึดความซื่อสัตย์สุจริตของกฎหมายเป็นหลัก ตนถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พร้อมยกตัวอย่างรัฐธรรมนูญที่ใช้ในปัจจุบันว่า วิกฤติที่หาทางออกไม่ได้ เหตุส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ที่ไม่นำพา หรือไม่นับถือยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล หรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกต่อประเทศชาติและประชาชน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล รัฐธรรมนูญที่บังคับใช้คือกฎหมายสูงสุด ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน ซึ่งตนอ่านมาเป็นร้อยๆ เที่ยว เพราะยอมรับการเปลี่ยนแปลงข้อหนึ่งของบ้านเมืองที่เป็นมา
พร้อมกันนี้ นายชวน ยังได้รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับภาคใต้ ที่ถูกเลือกปฏิบัติ สมัยนายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่บอกจะให้งบประมาณเฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อน จนมาถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการพูดว่า จังหวัดภูเก็ตขอห้องประชุมไม่ให้ จนกว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนเคยเสนอรัฐบาลนายเศรษฐา และรัฐบาลปัจจุบัน ว่าควรจะชดเชยให้คนภาคใต้ อย่าไปคิดว่าคนที่เขาพูดเพราะอิจฉาริษยา
นอกจากนี้ นายชวน ยังกล่าวถึง เหตุการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่บานปลายจากนโยบายของรัฐบาลทักษิณ ดังนั้นคนที่ที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องและแก้ปัญหาเหล่านี้คือนักการเมือง ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ปกป้องและหาทางชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ประชาชนในพื้นที่
“ขอยืนยันว่าสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ ไม่ได้อาฆาต คาดแค้นคุณทักษิณ ไม่ได้มีอะไรต้องไปอาฆาตแค้นท่าน ผมเคยพูดคำหนึ่ง ว่าถ้าท่านทำเหมือนประเทศเป็นธุรกิจตัวเอง ทำอะไรไม่ถูกต้อง ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เคยพูดไว้เมื่อ 17- 18 ปีที่แล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง จนคนมาปิดทองผม ว่าผมวาจาสิทธิ์”
นายชวน ยังยืนยันว่า ในฐานะนักการเมือง โชคดีที่ตนยังทำงานได้อยู่ วัยของตนก็ยังทำอะไรได้อยู่ พอมีความจำอยู่ ยังไม่ถึงขั้นความจำเลอะเลือน หรือจำอดีตไม่ได้ อาจจะไม่ปราดเปรื่องเหมือนกับคนรุ่นใหม่แต่สิ่งที่รู้ในอดีตก็ยังจำได้ และเชื่อว่าคนรุ่นใหม่หวังดี แต่เขาไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่ตนรู้ในบางเรื่องที่คนอื่นไม่รู้และต้องมาถามตน เช่น เรื่องภาคใต้ ซึ่งกองทัพไม่มีข้อมูล ก็ต้องมาถามตน ตนอยากให้ตำรวจที่เคยทำงานในพื้นที่ใต้ สมัยสมัยรัฐบาลทักษิณ ออกมาให้ข้อมูล เพราะแทนที่จะทำให้เหตุการณ์สงบ เรียบร้อยเหมือนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแก้ แต่กลับต้องนองเลือด สูญเสีย จนไม่เป็นที่สนใจของสังคมแล้ว เพราะมันเกิดขึ้นบ่อย จึงอยากจะเล่าให้ฟังว่าตนยังทำหน้าที่ของตน ปกป้องระบบรัฐสภา ปกป้องหลักนิติธรรม ให้กฎหมายบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์ ถูกเป็นถูกผิดเป็นผิด
ส่วนจะเล่นการเมืองไปอีกนานเท่าไหร่ นายชวน กล่าวว่า ถ้าความจำเลอะเลือน เดินไม่ไหว คนคงไม่เลือก ที่ผ่านมาต้องขอบคุณชาวตรัง ที่เลือกตนมาถึง 11 สมัย และเป็นหนี้บุญคุณคนทั้งประเทศ เพราะได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ 6 สมัย ดังนั้นเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้บัญชีรายชื่อมา 3 คน แม้พรรคจะตกต่ำอย่างไร แต่ก็ยังมีคนเลือก ได้ สส. บัญชีรายชื่อ 3 คน ซึ่งเป็นเสียงของที่คนเลือกพรรคแท้ๆ
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทักษิณชินวัตร ,ชวนหลีกภัย ,ข่าวการเมือง