เลือกตั้งและการเมือง
'สุริยะ' ยก 'ทักษิณ' ช่วยให้ชนะเลือกตั้งอุดรฯ - 'สนธิ' เตรียมบุกทำเนียบฯ 2 ธ.ค. จี้นายกฯ แจงปม MOU 44
โดย nattachat_c
26 พ.ย. 2567
24 views
ภูมิธรรม บอก ผลเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ชนะถล่มทลายมีหลายปัจจัย รับทักษิณมีส่วน จะบอกเป็นเมืองหลวงเสื้อแดงก็ได้ เพราะสมาชิกเข้มแข็ง ไม่ทราบ นายกฯ - ทักษิณ จะลงพื้นที่ขอบคุณ ค้างคืนหรือไม่ ต้องถามคนพูด
วานนี้ (25 พ.ย. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลการเลือกตั้ง อบจ. จังหวัดอุดรธานี ที่ผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลาย เพราะ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปปราศรัย ว่าจะทำให้ พรรคเพื่อไทยจะกลับมาฟีเวอร์ใช่หรือไม่ ว่า อย่าไปตีความมากเกินไป จังหวัดอุดรธานี ถือว่าเป็นจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยได้ทำงานมาต่อเนื่อง การได้ชัยชนะอย่างน้อยก็ถือเป็นการรักษาฐานคะแนนเสียงไว้ได้ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และ ทำนโยบายต่างๆให้เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ซึ่งก็คงเป็นหลายปัจจัยด้วยกัน สส. ก็ตื่นตัวในการลงพื้นที่ และเมื่อสส. ทำงานเต็มที่และพรรคมีนโยบาย และพยายามทำงานในหลายอย่าง องค์ประกอบครบมากขึ้น การได้รับชัยชนะถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้มีปัญหาอะไร
นายภูมิธรรม ย้ำว่า การได้รับชัยชนะจากจังหวัดอุดรมีหลายปัจจัย มีทั้งในส่วนของนายทักษิณที่ลงไป ผู้ช่วยหาเสียง ซึ่งมีความนิยมในตัวท่าน ในผลงานที่ท่านทำมา ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด รวมถึงนักการเมืองที่ปรับตัวในการลงพื้นที่ อย่างต่อเนื่องและมีอะไรอีกหลายอย่าง มันไม่ได้ตอบทั้งหมดแต่ก็สะท้อนการทำงานของแต่ละส่วน อาจจะบอกว่าที่นี่ดี ที่นี่ไม่ดี ก็ต้องไปดูในพื้นที่ แต่อย่างน้อยที่สุด สส. พรรคเพื่อไทยลงไปทำงานเต็มที่มากขึ้น ทำให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ผลเลือกตั้งที่เกิดขึ้น เป็นการตอกย้ำว่าจังหวัดอุดรธานี เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยแข็งแรงมาก หลายคนเรียกว่าเมืองหลวงก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะเป็นเมืองใหญ่เมืองสำคัญ
ขณะที่ พรรคประชาชน โพสต์ภาพกราฟฟิกสถิติผลการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี เทียบให้เห็นถึงคะแนนนิยมของพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งทางการเมือง พร้อมข้อความระบุว่า โตแล้ว-โตอยู่-โตต่อ จากอนาคตใหม่ถึงพรรคประชาชน เราเติบโตไม่หยุดในอุดรธานี!
จากการเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้รับคะแนนความนิยม 148,850 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 17.92 ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และไม่ได้ สส. เขตแม้แต่คนเดียว
ในการเลือกตั้ง อบจ. อุดรธานี ปี 2563 คณะก้าวหน้าส่งนายฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ได้รับคะแนน 185,804 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 26.74 ของผู้มาใช้สิทธิ์
ในการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2566 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้รับคะแนน 295,097 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 35.03 ของผู้มาใช้สิทธิ์ และได้ สส. เขต 1 จำนวน 1 คน คือ สส. เคน ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ
ในการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2567 พรรคประชาชนส่งนายคณิศร ขุริรัง ลงสมัครรับเลือกตั้ง ได้รับคะแนน 268,675 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 41.53 ของผู้มาใช้สิทธิ์
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิ ทอล์ก ประกาศลงถนนชุมนุมขับไล่รัฐบาลแพทองธาร และเตรียมคำร้องกรณี MOU 44 ว่า ไม่เป็นไร ตนคิดว่านายสนธิ ได้ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตามขอให้คำนึงถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอยู่ด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะถูกตรวจสอบอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ทำงานตามหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ หากมีอะไรจริงๆ ก็มีกระบวนการ อยู่แล้ว โดยให้กระบวนการเป็นผู้ตัดสินใจซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากรัฐบาลมีความผิดพลาด สามารถใช้กระบวนการทางยุติธรรม มาดำเนินการได้
ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตน และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้
โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่
สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๙ เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฏว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนคนหนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ
นายสนธิกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ ๙ ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/bOSnMXjDGM8