เลือกตั้งและการเมือง
"โรม" หวังคดี 44 สส. ยื่นแก้ 112 ป.ป.ช.ไม่เลือกปฏิบัติ ยันแก้กฎหมายเป็นอำนาจนิติบัญญัติ
โดย gamonthip_s
6 ชั่วโมงที่แล้ว
121 views
17 พ.ย. 2567 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบการพิจารณาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลที่ลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของ ป.ป.ช. ว่า ยังไม่ทราบในเรื่องรายละเอียดว่า ป.ป.ช.ดำเนินการถึงขั้นไหนแล้ว แต่ก็ติดตามและยังไม่มีความคืบหน้าอะไร โดยมีการติดตาม และเปรียบเทียบ ติดตามเพราะอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อ เปรียบเทียบก็คือตนยื่นเรื่องต่างๆ ร้องไปทาง ป.ป.ช.หลายเรื่อง และจะรอดูว่าสุดท้ายหลายๆ กรณีซึ่งมีความชัดเจน มีข้อมูลหลักฐานจำนวนมาก ไม่รู้จะให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช.อย่างไรอีกแล้ว ทำไมคดีเหล่านั้นยังชักช้า จึงจะรอดูว่าสุดท้ายการใช้อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.จะเป็นไปโดยชอบ และไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่
เมื่อถามว่ามีการมองว่า สส.ที่มีคดีใน ป.ป.ช.ลดบทบาทตัวเองลงเพราะรอดูผลคดีนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าเกี่ยวกัน พวกเราก็ทำหน้าที่ของเรา เรารู้อยู่แล้วว่าการเป็น สส.ของพรรคประชาชน มันไม่ง่าย การเป็น สส.ของพรรคประชาชนมันมีหอกดาบที่รอคอยเราอยู่ เรารู้และเราเลือกที่จะมาเดินแบบนี้ เรารู้ว่าการที่เราจะแก้ปัญหาโครงสร้างทางการเมือง มันสะเทือนถึงผู้มีอำนาจอย่างไร และผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็คงจะไม่แฮปปี้กับการที่เราพยายามจะแก้ปัญหาโครงสร้างของประเทศไทย ต้องยอมรับว่าโครงสร้างแบบนี้มันไม่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ แต่มันให้ประโยชน์กับคนบางกลุ่ม เราต้องยอมรับว่าคนกลุ่มนั้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างแบบนี้ก็พยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและพร้อมทำทุกอย่าง โดยไม่ได้สนใจระบบกฎหมายและราคาของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องจ่าย ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ต้องยอมรับว่าการที่เรามาสู้ในรูปแบบนี้มันก็มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียสถานะทางการเมือง การดำเนินคดี
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า มันตลกขนาดไหน เราแก้กฎหมาย การแก้กฎหมายเป็นอำนาจนิติบัญญัติ ทุกคนรู้ แต่ในขณะเดียวกัน การแก้กฎหมายกลับกลายเป็นว่า ก็มีการดำเนินคดีกับคนที่ไปแก้กฎหมาย ซึ่งเป็นอำนาจของเราใน ป.ป.ช. ที่ตรวจสอบในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ถามว่าเป็นการทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ ตนว่าไม่ใช่เลย ดังนั้นคิดว่าคงต้องรอดูว่าสุดท้ายบรรทัดฐานเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ต่อไปการแก้กฎหมายอะไรก็แล้วแต่ ก็จะกลายเป็นว่าสามารถดำเนินคดีกันได้หมด เรื่องไหนมีคนไม่ชอบ ก็จะไปร้อง สุดท้ายการแก้กฎหมายก็คงจะไม่ได้อยู่ในอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว และคงอยู่ในมือของผู้มีอำนาจไม่กี่คนที่กุมดาบในการประหารชีวิตนักการเมืองที่ประชาชนเลือกมา
“ผมคิดว่าประเทศแบบนั้นเป็นประเทศที่อันตราย เป็นประเทศที่จะนำไปสู่วิกฤตที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ผมยืนยันว่าการทำหน้าที่ของเราเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ในสภาอาจจะโหวตไม่เห็นชอบหรือเห็นชอบก็ได้ แต่มันเป็นวิถีของระบอบประชาธิปไตย เป็นวิถีของสภาที่จะต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยซึ่งเป็นเรื่องปกติ” นายรังสิมันต์ กล่าว
แท็กที่เกี่ยวข้อง พรรคประชาชน ,ม.112