เลือกตั้งและการเมือง

"พิธา" ลัดฟ้าถึงเมืองอุดรธานี​ ลุยหาเสียงชิงเก้าอี้​นายกฯอบจ.​ เมิน​ "ทักษิณ" เย้ยกลัวแพ้

โดย kanyapak_w

7 ชั่วโมงที่แล้ว

133 views

"พิธา" ลัดฟ้าถึงเมืองอุดรธานี​ ลุยหาเสียงชิงเก้าอี้​นายกฯอบจ.​ เมิน​"ทักษิณ" เย้ยกลัวแพ้​ เตือนความจำ อย่าลืมผลเลือกตั้งปี​ 2566 "ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย" รวมกัน​ชนะ"เพื่อไทย" ลั่น​ นี่ไม่ใช่เมืองหลวงเสื้อแดง​ แต่คือเมืองหลวงประชาธิปไตย รับแพ้มาเยอะ​ แต่ก็ชนะมาแยะ​ แจงป้ายหาเสียง​ มีทั้งทิมทั้งเท้ง​ เป็นแคมเปญเลือกตั้งลูกครึ่ง​ เหตุโดนยุบพรรค​


นายพิธา​ ลิ้ม​เจริญ​รัตน์​ อดีตหัวหน้า​พรรค​ก้าวไกล​ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง​ นายคณิศร​ ขุริรัง​ ผู้สมัครจากพรรคประชาชน​ ชิงเก้าอี้นายกอบจ.อุดร​ เดินทางถึงจังหวัดอุดรธานี​ หลังกลับมาจากสหรัฐอเมริกา​ โดยมีผู้สมัคร และผู้สนับสนุนเดินทางมาให้การต้อนรับ​ ขอถ่ายรูปจำนวนมาก​



โดยนายพิธา​ กล่าวว่า​ เดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้​ตั้งใจมาช่วยหาเสียง​ เพื่อให้คนอุดรทราบว่า​จะมีการเลือกตั้งนายกฯอบจ.อุดร​ โดยประเด็นหลักที่อยากสื่อสาร คือ​ การเชิญชวนให้มาใช้สิทธิ์กันเยอะๆ​ เพราะคนทราบว่าอุดรคือเมืองหลวงของประชาธิปไตย แต่การใช้สิทธิ์อาจจะน้อย​ เพราะพี่น้องชาวอุดรธานี ไปทำงานต่างประเทศเยอะ​ ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งปี 66 การเลือกตั้ง​ อบจ. มีแค่ 50 ต้นๆหรือ 60 ต้นๆเท่านั้น​ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย ก็พยายามเชิญชวนให้มาใช้สิทธิ์เยอะๆ



ส่วนที่บ้างพรรคตีกินว่​าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง นายพิธา​ กล่าวว่า​ ถ้าดูตัวเลขจากการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1 300,000 แสนกว่าคะแนน​ พรรคก้าวไกลมาอันดับ 2 200,000 แสนกว่าบาท พรรคไทยสร้างไทยอันดับ​ 3 100,000 กว่าคะแนน ถ้า 2 กับ 3 รวมกัน ก็ชนะพรรคเพื่อไทย และที่ตนตอบคำถามเมื่อสักครู่ ก็ใช้คำว่าเมืองหลวงประชาธิปไตย ไม่ใช่เมืองหลวงเสื้อแดง เพราะตัวเลขก็ฟ้องมาอย่างนั้น​



ส่วนที่นายทักษิณ​ ปราศรัย​เย้ยว่า​ นายพิธา กลัวแพ้จึงต้องบินกลับมาจากสหรัฐ​ นายพิธา​ กล่าวว่า​ เรื่องนี้มี 2 ประเด็น เรื่องกลัวแพ้ก็แพ้มาเยอะ ชนะมาก็แยะ​ อุดรเขต 1 ตอนปี 2562 ตอนเป็นอนาคตใหม่ก็แพ้ พอปี 2566​ เป็นพรรคก้าวไกลก็ชนะ​ ผู้สมัครนายกอบจ.คนปัจจุบันของพรรคเพื่อไทย​ เพราะฉะนั้นมีแต่เผด็จการเท่านั้นที่กลัวแพ้การเลือกตั้ง​



"การเป็นนักการเมืองและการเป็นอดีตนักการเมือง ก็มีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา อย่างกรณีที่ตนกลับมาจากอเมริกาที่เคยแพ้ก็ชนะ ที่เคยชนะก็กลับมาแพ้ นี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องแพ้​ แพ้เยอะมาแล้ว​ แต่การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายผมก็ชนะ"



ส่วนที่มีการแซวว่าติดป้ายหาเสียง ผู้สมัครคู่ทั้งทิมทั้งเท้ง​ แสดงว่า​ คุณเท้งไม่หล่อเท่าคุณทิม​ นายพิธา​ กล่าวว่า​ เท่าที่เช็คจากทีมงานของผู้สมัคร อัตราส่วนการติดป้ายของหมายเลข 1 กับหมายเลข 2 น่าจะ 20 ต่อ​ 1 เพราะฉะนั้นเรื่องความประหยัด พรรคตนในตอนที่เป็นอดีตพรรคก้าวไกล และจนมาเป็นพรรคประชาชนไม่แพ้พรรคไหนแน่นอน และแคมเปญนี้เป็นแคมเปญลูกครึ่ง​ เพราะหาเสียงกับนายคณิศร​ ตั้งแต่ยังเป็นพรรคก้าวไกล​ จึงมีการทำป้าย แต่พอโดนยุบพรรคก็กลายเป็นของพรรคประชาชน​ กลายเป็นลูกครึ่งมีทั้งรูปคู่กับตนและรูปคู่กับเท้ง​ ก็แค่นั้น​



ส่วนการลงพื้นที่ด้วยตัวเองของนายทักษิณ ทำให้มีความกังวลหรือไม่นั้น นายพิธากล่าวว่าไม่รู้สึกกังวล รู้สึกดี เพราะทำให้มีสีสัน ทำให้ประชาชนมีความสนใจ เพราะในการเลือกตั้งระดับชาติก็มีกติกาหนึ่ง มีเลือกตั้งล่วงหน้า มีเลือกตั้งข้ามเขต ประชาชนให้ความสนใจ แต่เมื่อเป็นการเลือกตั้ง สส.หรือ อบจ.แค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ก็อาจจะไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์จาก กกต.เท่าที่ควร ถ้ามีการแข่งขันของเบอร์ 1 เบอร์ 2 มีการลงพื้นที่กันเยอะ ประชันวิสัยทัศน์กันเยอะก็ทำให้ประชาชนสนใจ และหวังว่าการจะทำให้การใช้สิทธิ์ครั้งนี้สูงกว่า 56% เพราะครั้งที่แล้วก็เกินครึ่งมานิดเดียว



ส่วนมองว่าการที่นายใหญ่ของพรรคต้องลงมาเอง มีนัยต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่าก็เห็นสื่อมวลชนวิจารณ์กันไป แต่ตนไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าสัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง แต่การที่สื่อวิเคราะห์หรือมีการสัมภาษณ์นักวิชาการ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ตนไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่การทำงานของพรรคประชาชน หรือพรรคก้าวไกล เวลามองการเลือกตั้ง เรามอง 2-3 การเลือกตั้งล่วงหน้า



ถ้าคิดแบบนั้นจะมีแต่ชนะ พัฒนา ไม่มีแพ้ เราแข่งกับตัวเองในครั้งที่แล้ว ตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล แน่นอนว่าในการเลือกตั้งต้องแข่งกับคู่แข่ง แต่ในการทำงานของพรรคเรา แข่งกับตัวเองในครั้งที่ผ่านมา ถ้าคิดแบบนี้ จะทำงานอย่างไม่กดดัน และทุกการเลือกตั้งเป็นโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลง การพัฒนาบุคคล และองค์กร หลายคนตอนเลือกตั้งอนาคตใหม่ วางแผนการเดินหาเสียงไม่เป็น ทุกวันนี้เก่งมาก ก็มีการพัฒนาในทุกการแข่งขัน ไม่ได้รู้สึกกดดันมากเป็นพิเศษ



ส่วนสนามเลือกตั้ง อบจ.เป็นโจทย์ยากหรือไม่เพราะต้องทลายกำแพงบ้านใหญ่ ที่เดิมเป็นสีแดงเกือบทั้งจังหวัด นายพิธากล่าวว่าเป็นโจทย์ยากที่บริหารได้ อย่างน้อยเราทราบว่าในการเลือกตั้ง ปี 2566 คนมาใช้สิทธิ์ 76% พอเลือกตั้ง อบจ.เหลือแค่ 60% เพราะข้ามเขตไม่ได้ เลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ จึงต้องทำนโยบายในพื้นที่ให้จับต้องได้ มีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกัน พอตนกลับจากสหรัฐอเมริกา เห็นเรื่องการเลือกตั้งก็มองว่าน่าจะมีการเลือกตั้งด้วยจดหมายแบบ เมลล์อิน เหมือนเลือกตั้งสหรัฐฯจะได้ทำให้การเลือกตั้งง่ายขึ้น มีประสิทธืภาพมากขึ้น และตรงกับเจตจำนงค์ของประชาชนมากขึ้น ต้องแก้ทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งระดับชาติแต่รวมถึงเลือกตั้งอื่นๆ น่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น



ส่วนหากพรรคประชาชนจะชนะ จะมาจากปัจจัยใดนั้น นายพิธา​ กล่าวว่า​ มาจากหลายเรื่องทั้งตัวผู้สมัครและคู่แข่งก็มีความสำคัญ รวมถึงนโยบายตรงใจประชาชนแค่ไหน แต่ตนยังยืนยันในความสำคัญของผู้มาใช้สิทธิ์ หากเกิน 70% ก็ทำให้เกิดความชอบธรรมและมีโอกาสชนะมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันถ้าใช้สิทธิ์น้อยก็น่าจะยาก



ส่วนที่นายทักษิณ ประกาศว่า​ สมัยหน้าจะคว้า เก้าอี้ สส. ไม่น้อยกว่า 200 ถือเป็นการข่มขวัญหรือไม่นั้น นายพิธา​ กล่าวว่า​ ก็เหมือนตอนนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพูดเรื่องแลนด์สไลด์ ก็แค่นั้น พอถึงเวลา ผลลัพธ์หลังเลือกตั้งประชาชนเป็นคนตัดสิน วางแผนได้ ทางตนก็มี เคยวางไว้ตอนเป็นอดีตก้าวไกล เชื่อว่านายณัฐพงษ์ ก็คงวางแผนของตัวเองเช่นกัน ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน



ในช่วงท้ายนายพิธา​ ยังอ้อนคนอุดร ขอคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร โดยระบุว่า "ฮักหลายๆ ไม่ว่าจะเป็นประเพณีไทยสำคัญขนาดไหน เช่นตอนสงกรานต์ ผมก็อยู่อุดร ลอยกระทงผมก็ยังอยู่ แสดงให้เห็นความผู้พันธ์ที่มีต่อพี่น้องชาวอุดร หวังว่าศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้จะมีโอกาสมาพบปะกันให้หายคิดถึง"



อย่างไรก็ตาม​ เย็นวันนี้นายพิธา​ ได้ยกเลิกภารกิจลอยกระทงร่วมกับคนอุดร​ เปลี่ยนเป็นเดินพบประชาชนบริเวณถนนคนเดินแทน​ เนื่องจากกังวลว่า เกรงจะผิดกฎหมายเลือกตั้งใน​ เรื่องห้ามจัดมหรสพ



คุณอาจสนใจ

Related News