เลือกตั้งและการเมือง
"มาริษ" ยืนยัน MOU 44 ไม่กระทบเกาะกูด ชี้เป็นกรอบเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนไทย-กัมพูชา
โดย nutda_t
12 พ.ย. 2567
59 views
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีที่ยังคงมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง และมีการให้ข่าวสารเกี่ยวกับการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนระหว่าง ไทย-กัมพูชา ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สังคมมีความสับสน ถึงการเรียกร้องให้มีการยกเลิก MOU 44 ว่า
MOU 44 มีที่มาจากการที่ไทย และกัมพูชา ต่างไม่ยอมรับการอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทางทะเลที่แต่ละฝ่ายประกาศ ทำให้เกิดเป็นพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน ซึ่งตามกฎหมายระหว่างประเทศ ระบุให้ในกรณีเช่นนี้ประเทศที่อ้างสิทธิจะต้องเจรจาทำความตกลงเพื่อหาทางออกด้วยกัน โดยสาระสำคัญของ MOU 44 นั้น คือการกำหนดกรอบและกลไกการเจรจา โดยให้ทั้งประเทศไทย และกัมพูช าต้องตั้งคณะกรรมการทางเทคนิค หรือ Joint Technical Committee: JTC ขึ้น เพื่อทำการเจรจาพร้อมกันไปใน 2 เรื่อง ทั้งเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล และการพัฒนาแหล่งพลังงาน โดยไม่สามารถแยกการเจรจาเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่กฎหมายระหว่างประเทศวางไว้ ทั้งนี้ การยกเลิก MOU 44 ก็ไม่ได้ทำให้เส้นอ้างสิทธิของฝ่ายกัมพูชา หายไปแต่อย่างใด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังอธิบายว่า MOU 44 มีลักษณะเป็นข้อตกลงชั่วคราว หรือ Provisional Arrangement ซึ่งเป็นเพียงการตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะวางกรอบและกลไกการเจรจากันเท่านั้น พร้อมย้ำด้วยว่า การเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา จะไม่เกี่ยวกับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูดแต่อย่างใด เพราะเกาะกูดเป็นของไทยที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนั้น MOU 44 มีมาตราการป้องกันที่รัดกุม หรือ Safeguard Clause ในข้อ 5 ที่ระบุเป็นเป็นเงื่อนไขบังคับว่า “จนกว่าจะได้มีการตกลงการแบ่งเขตทางทะเลให้แล้วเสร็จ MOU และการดำเนินการต่าง ๆ ตาม MOU นี้ จะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละฝ่าย” ซึ่งเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า การเจรจาตามกรอบ MOU 44 นี้ จะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อเขตอำนาจอธิปไตยทางทะเลของแต่ละฝ่าย จนกว่าจะสามารถตกลงกันได้ และมีการจัดทำความตกลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งร่วมกัน ซึ่งในกรณีนี้จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบก่อนด้วย ซึ่งหมายถึงว่าความตกลงใดๆที่จะเกิดขึ้นนั้น จะต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวไทย ดังนั้นจึงแปลกใจต่อผู้ที่พยายามโยงเรื่องเกาะกูด เข้ากับการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำว่า ผลประโยชน์ของประเทศไทย ในเรื่องนี้ มี 2 ประการ ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลทั้ง 2 ด้าน ได้แก่ การแบ่งเขตทางทะเล และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการพัฒนาทรัพยากรด้านพลังงาน พร้อมยังคงย้ำว่า "เกาะกูด" เป็นของประเทศไทยแน่นอน เพราะตามหนังสือสนธิสัญญา ระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ฉบับวันที่ 23 มีนาคม รศ.125 หรือ ค.ศ. 1907 บัญญัติชัดเจนว่า "เกาะกูด เป็นของไทย" ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเกาะกูด มาช้านานแล้ว และประเทศไทยได้ใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูดมาโดยตลอด มีประชาชนชาวไทยอยู่อาศัยมาเป็นเวลากว่า 100 ปี และกัมพูชาก็ยอมรับ และไม่เคยมีข้อโต้แย่งใด ๆ ในเรื่องนี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง MOU44 ,มาริษเสงี่ยมพงษ์ ,เกาะกูด