เลือกตั้งและการเมือง
'เพื่อไทย' พาเหรดโต้ 'พปชร.' ปมดิไอคอน ไล่ย้อนดูตัวเอง - 'ปิยะ' สวนกลับ
โดย passamon_a
31 ต.ค. 2567
141 views
คนเพื่อไทยพาเหรดโต้ โฆษก พปชร. ปมดิไอคอน ยันเพื่อไทยไม่มีเทวดา ไล่ย้อนดูตัวเอง ด้าน ปิยะ สวนกลับ เพื่อไทยควรปัดกวาดบ้านตัวเองดีกว่า อย่าเล่นการเมืองแบบใส่ร้ายป้ายสี
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.67 ที่รัฐสภา นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีกระแสข่าวพาดพิงว่าเป็นเทวดา อักษรย่อ ม. ในกรรมาธิการ (กมธ.) คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร สมัยที่แล้ว และเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งนางมนพร ได้พา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการในขณะนั้น และปัจจุบัน ร่วมให้สัมภาษณ์ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง พร้อมนำเอกสารแจ้งผลดำเนินการไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้เสียหายให้ผู้สื่อข่าวด้วย
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าว มีสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.66 กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ได้ตั้งคณะอนุ กมธ. ที่มีนางมนพรเป็นประธาน ขึ้นมาหารือเรื่องร้องทุกข์จากหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้องเรียนว่า บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ชักชวนให้สมัครสมาชิกและซื้อสินค้า เป็นยาสีฟัน จำนวน 211,115 บาท แต่กลับได้ยาสีฟันเพียงแค่ 50 หลอด โดยผลการดำเนินการของอนุ กมธ.พบว่าได้ส่งเรื่องให้สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ดำเนินการไกล่เกลี่ย และทั้งคู่สามารถเจรจากันได้ โดยที่บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป คืนเงินทั้งหมด
โดย นางมนพร กล่าวว่า ตัวย่อ ม. สองตัวนั้น ม. ตัวแรกคงหมายถึง นายมานะ โลหะวณิชย์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ และ ม. ตัวที่สอง คือ นางมนพร
เมื่อถามว่า กมธ.ในขณะนั้น มีการดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ได้มีการดอง หรือความพยายามทำให้มีการจบเรื่อง โดยที่ไม่มีการสืบสวนต่อใช่หรือไม่ นางมนพร ยืนยันว่า ไม่มีการดอง เพราะเราคิดว่าคณะกรรมาธิการของสภาทุกคณะต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน เมื่อประชาชนเดือดร้อนต้องการเงินคืน เราก็เร่งรัดเพื่อเอาเงินคืนให้กับผู้ที่ร้อง ซึ่งเราได้ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือน ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐพยายามจะเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย มองว่าเป้าหมาย คือการโยนเรื่องนี้ให้พรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ในฐานะที่เป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย ตนมองว่า คนที่ให้ข่าว เขายังไม่เข้าใจระบบ เพราะอำนาจของ กมธ.ไม่ใช่การเอาถูกหรือเอาผิด ซึ่งตอนนั้นตนเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปสืบค้นต่อว่า บริษัทนี้ มีลักษณะฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องไปตรวจสอบว่า สินค้ามีคุณภาพหรือไม่อย่างไร
เมื่อถามว่า ในขณะนั้น ได้มีคนติดต่อมาขอเคลียร์อะไรหรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ไม่มี พร้อมกล่าวติดตลกว่า อาจเพราะเห็นหน้าพวกตนก็คงไม่มีใครกล้ามาติดต่ออะไร ย้ำว่า ตอนนั้นเป็นพรรคฝ่ายค้าน
เมื่อถามย้ำว่า มองว่าเป้าหมายของการออกมาให้ข้อมูลเช่นนั้นคืออะไร นางมนพร กล่าวว่า ตนตอบแทนไม่ได้ แต่คนให้ข่าวคงรู้อยู่แก่ใจว่า ในขณะที่เขาเป็นพรรครัฐบาล เหตุไฉนจึงปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นเรื้อรัง จนทำให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนอยู่อย่างนี้
ส่วนกรณีที่มีการพูดถึง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม ซึ่งเคยเป็นผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย นางมนพร กล่าวว่า นายยุรนันท์ออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยนานแล้ว ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ส่วนการทำธุรกิจส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด
สำหรับกรณีเชื่อมโยงกลุ่มสามมิตร ซึ่งขณะนี้ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นางมนพร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนทราบว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปแล้ว
ปกติคนที่ไม่ดี ก็จะไปอ้างคนที่ดี เพื่อเป็นเกราะกำบังให้กับการกระทำความผิดให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องย้อนกลับไปดูตัวเองว่า ตัวเองได้ทำอะไรไว้ให้กับพี่น้องประชาชน เราเป็นนักการเมือง เราต้องกล้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และวันนี้ นายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งการให้ สคบ. ติดตามคนที่กระทำความผิด รวมถึงกระทรวงการคลัง ก็ได้เร่งรัดการออกพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการหลอกลวง
เมื่อถามว่า ในพรรคเพื่อไทย มีเทวดาหรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ไม่มี มีแต่ สส. และผู้บริหาร ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน "ขอให้ย้อนกลับไปดูเทวดาของท่าน ไม่ต้องมาคิดถึงเทวดาของพรรคเพื่อไทย เทวดาคงอยู่บนท้องฟ้า"
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีกลับกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ไม่ เพราะนักการเมือง จะไม่หาเรื่องกับประชาชน ทั้งนี้ ส่วนตัว ตนไม่รู้จักกับรรดาบอสต่าง ๆ สักคน
ขณะที่ นายประเสริฐพงษ์ กล่าวเสริมว่า การที่มีข่าวออกมาเช่นนี้ ตนคิดว่าไม่ให้ความเป็นธรรม สำหรับนายมานะ และนางมนพร เพราะตอนนั้นเราทำงานกันอย่างตรงไปตรงมาจนได้ข้อยุติ แต่หากรัฐบาลใส่ใจตั้งแต่ตอนนั้นว่า มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และดูแลเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น รวมถึงต้องไปดูในกระบวนการที่บกพร่อง ว่าเกิดจากอะไร เป็นความบกพร่องใน สคบ. หรือไม่
ด้าน นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการแถลงข่าวของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพาดพิงถึงบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป และเปิดเผยอักษรย่อนักการเมืองที่อาจเกี่ยวข้อง ว่า ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการไปหาข้อมูล รวมถึงทำการบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น ย้ำว่า ทั้งพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะที่เราเป็นรัฐบาล เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ลงไปดูแลพี่น้องประชาชนที่เสียหาย
ส่วนเรื่องอักษรย่อต่าง ๆ นั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสภาชุดที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้น ยอมรับว่ามี สส.ของพรรคเพื่อไทย นายมานะ โลหะวณิชย์ อดีต สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้น และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นประธาน คณะอนุฯ ในขณะนั้น ได้แถลงข่าวไปแล้ว
สำหรับตัวย่อ ซ. ซึ่งเชื่อมโยงถึง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม ซึ่งเคยเป็นผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา และถูกดำเนินคดีนั้น นายยุรนันท์ได้สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.65 เป็นเวลาประมาณ 3 ปีแล้ว
ขณะที่ อักษรย่อ ก. ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นนายอรรฆรัตน์ นิติพน พิธีกรรายการอายุน้อยร้อยล้าน ซึ่งเป็นผู้สมัคร สส.กทม.ของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนได้สอบถามไปแล้ว และได้รับทราบว่า นายก้องทำรายการ โดยได้สัมภาษณ์ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ปจริง เมื่อวันที่ 13 ก.พ.64 ก่อนที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
นายดนุพร ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ และโฆษกพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนทราบว่าท่านคงเป็นน้องใหม่ทางการเมือง ที่เกษียณราชการมา จึงไม่ทราบถึงกระบวนการทำงานของสภา โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการ ซึ่งตนเข้าใจท่านว่า การที่ท่านออกมาพูดแบบนี้ แน่นอนว่า ต้องการปัดความรับผิดชอบให้พ้นพรรคท่าน และท่านก็คงจะต้องทราบว่า ที่ประชุมของรัฐสภา และ สส. มีมติส่งเรื่องคดีดิไอคอนกรุ๊ป ให้กับกรรมาธิการสามัญป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ไปพิจารณา 90 วัน
โดยในวันนี้ ก็มีการเริ่มพิจารณาในการประชุมครั้งแรกแล้ว ตนในฐานะที่เป็นรองประธานกรรมาธิการคณะนี้ แม้มีสมาชิกพรรคพลังประชารัฐบางท่านลาออกไปแล้ว แต่ตนได้สอบถามทั้ง ตำรวจ สำนักงานป้องกันและปากปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว ทำให้ทราบว่า ต่อให้มีการลาออก ก็ไม่สามารถพ้นผิดได้ ยืนยันว่า กมธ.ปปง. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะนำคนผิดทุกคนในกรณีนี้มาลงโทษ แม้ว่าจะออกจากสมาชิกไปแล้ว แต่เมื่อความผิดสำเร็จแล้ว และขณะที่ทำความผิดเป็นสมาชิกพรรคท่านอยู่ จะมาปัดความรับผิดชอบไม่ได้
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า เราต้องชี้แจง แต่ส่วนข้อกฎหมายว่า จะดำเนินการอย่างไรนั้น ยอมรับว่ายังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่ในฐานะพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเป็นรัฐบาลต้องแจ้งให้ทุกคนทราบว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ท่านนายกฯ ทำอะไรอยู่ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกำลังทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด
สำหรับกรณีนักการเมือง ส. ที่มีความเชื่อมโยงว่าอาจจะเกี่ยวข้องผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยนั้น ตนเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่พรรคไหนก็ตาม ถ้าความผิดเรื่องนี้ ปกป้องยากมาก เพราะเป็นจุดสนใจของสังคม เป็นเรื่องที่ประชาชนเสียหายเกือบ 10,000 คน และมูลค่าความเสียหายดีไม่ดีอาจจะถึง 10,000 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากเกี่ยวข้องกับท่านใดก็ตาม ต่อให้ลาออกไปแล้ว ตนเกรงว่าคงจะปัดความรับผิดไม่ได้
สำหรับการตั้งข้อสังเกตเทวดาตัวจริงอาจอยู่ในพรรคเพื่อไทยนั้น นายดนุพร กล่าวว่า โฆษกพรรคพลังประชารัฐควรไปดูพรรคท่านเองหรือไม่ เพราะที่ออกมาจากคลิปเสียง ก็ความใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรคท่าน ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าเทวดาจะอยู่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ แต่หากฟังจากคลิปเสียงแล้ว ตนเชื่อว่าไม่น่าจะมาอยู่พรรคตน
ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ ภายหลังพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวเชื่อมโยงกรณีดิไอคอนกรุ๊ป กับพรรคเพื่อไทย ว่า เราไม่ได้กล่าวหา แต่อยากให้ไปดูเรื่องความเชื่อมโยง เช่น บอสแซม ก็เป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย อันนี้ชัดเจน และบอสก้อง ก็เคยเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะหลีกหนีเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วจะมาบอกว่า นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสมมิตร หรือพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะเคยถูกตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร อันนี้มีหลักฐานชัดเจน
เมื่อถามว่า การเอ่ยชื่อของกลุ่มสามมิตรจะกระทบถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คำสั่งแต่งตั้งนายสามารถเป็นอย่างนั้น ใช้ชื่อตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร
เมื่อถามว่าในทางกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนที่ทนายเดชา บอกว่าทนายโจร ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดู ว่ามีความผิดมากน้อยแค่ไหน เพราะทนายคนดังกล่าวเคยออกมากล่าวหาหัวหน้าพรรคของเรา โดยการโยงกับเงิน 31 ล้านบาท และก็มีความพยายามโยงว่า การถือหุ้น 21% เป็นทุนจีนสีเทา แต่ก็ปรากฏชัดออกมาแล้ว และอีกไม่กี่วันตำรวจ ก็คงจะเปิดเผย และที่เรารู้กันดีคือ 21% ที่ถือหุ้นบอสพอลคือ นางจินดา แซ่ก๊อก ซึ่งเป็นแม่ของบอสพอล ไม่ใช่นอมินี ไม่ใช่ทุนจีน แต่มีความพยายามโยง เพื่อให้ประชาชนไขว้เขว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอีกครั้ง
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยควรแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า คงไม่ต้องชี้แจงอะไร เพราะสื่อมวลชนและประชาชนทราบดีอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องพยายามทำคือ ปัดกวาดบ้านตัวเองจะดีกว่า ปัดกวาดคนที่ไม่ดี คนที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีออกไป การเมืองจะได้ใสสะอาดขึ้น ปีนี้ 2567 แล้ว อย่าเล่นการเมืองแบบเก่า ๆ หรือการเมืองแบบใส่ร้ายป้ายสีกันเลย เรามาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0DpJ7ZG1L9k
แท็กที่เกี่ยวข้อง พรรคเพื่อไทย ,พรรคพลังประชารัฐ ,ดิไอคอน