เลือกตั้งและการเมือง

เพื่อไทยชงร่างนิรโทษกรรม ประกบ 4 ฉบับ แต่ไม่รวม ม.112 - ‘โรม’ อัด ‘ภูมิธรรม’ มีโอกาสแต่ไม่แก้ปมขัดแย้ง

โดย nattachat_c

30 ต.ค. 2567

28 views

มติ เพื่อไทย ชงร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ประกบ 4 ฉบับในสภา ย้ำชัด ไม่รวมความผิด มาตรา 110 และมาตรา 112ด้าน 'โรม' สวดยับ! ถ้าได้เป็น 'คุณอ้วน ภูมิธรรม' วันนี้ คงรับตัวเองไม่ได้ มีโอกาสแล้วแต่ไม่ตัดสินใจแก้ปมขัดแย้งการเมือง หลังเจ้าตัวประกาศ 'เพื่อไทย' ไม่หนุนนิรโทษกรรมคดี ม.112 ย้ำประเทศต้องการโอกาสรวมความผิดทุกคดี กระทุ้งนักการเมืองหลายคนมีที่ยืนวันนี้ เพราะได้รับนิรโทษ


วันที่ 29 ต.ค. 2567 ที่อาคารชินวัตร 3 มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ประจำสัปดาห์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม สส.เพื่อไทย เมื่อเริ่มต้นการประชุม สส.หลายคนได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการลงมติข้อสังเกตรายงานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่สร้างความสับสน เพราะพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้เห็นชอบข้อสังเกตดังกล่าว ข้อเท็จจริง คือ ให้เป็นเอกสิทธิ์ สส.ในการโหวตเท่านั้น


จากนั้น เวลา 17.00น. ภายหลังการประชุมพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยหารือถึงการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยสส.เห็นตรงกันให้มีมติพรรคเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในนามพรรคเพื่อไทยในสมัยประชุมสภาฯ หน้า ไปประกบกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 4 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภาฯ ขณะนี้


โดยให้นายชูศักดิ์ไปยกร่างกฎหมาย เนื้อหาส่วนใหญ่จะยึดตามรายงานกมธ.วิสามัญศึกษาแนวทาง ตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่จะไม่มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และ 112 เพราะกระแสขณะนี้ไม่มีพรรคใดเอานิรโทษมาตรา 112 ถ้าเสนอไปก็เดือดร้อนหมด เสนอไปก็ตกอยู่ดี


วันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม 4 ฉบับที่บรรจุอยู่ในวาระสภา และรอการนำขึ้นมาพิจารณาว่า ในส่วนของตนและพรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การกระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 ส่วนที่บางพรรคการเมืองบอกว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง โดยรวมมาตรา 112 ด้วยจะเป็นการปกป้องสถาบันนั้น ตนมองว่ามันจะเกิดสิ่งตรงข้ามมากกว่า และอาจเป็นแรงจูงใจในอนาคตให้มีการละเมิดมาตรา 110 และมาตรา 112 มากขึ้น เพราะเห็นว่าเมื่อละเมิดแล้วก็สามารถนิรโทษกรรมได้ และที่บอกว่าจะทำให้เกิดความปรองดอง ตนเห็นว่านับหนึ่งก็แตกแยกแล้ว


ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจเกิดกรณีเหมือน 143 เสียงของพรรคประชาชน รวมกับ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทยร่วมกันยกมือให้ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นไปได้หรือเปล่าตนไม่ทราบ แต่ถ้ารวมกันก็ชนะ เพราะเสียงเกินครึ่ง และเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายมีความกังวล แต่หลักๆ ทางการเมืองตนมองว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะการที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วไปจับมือกับฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลจะคิดอย่างไร และจะทำงานร่วมกันอย่างไรในอนาคต และที่สำคัญความรู้สึกของประชาชนจะคิดอย่างไรด้วย


วานนี้ 29 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เห็นชอบกับการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยเคยสัญญาว่าจะคลี่คลายปัญหาของคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง จึงไม่ควรมองว่านิรโทษกรรมคดีใดบ้าง แต่ควรมองหลักการว่าหากเราต้องการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะโดนด้วยข้อหาอะไร ก็ควรได้รับการนิรโทษกรรม


นายรังสิมันต์กล่าวว่า การดำเนินคดีการเมืองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องยอมรับว่า บางครั้งก็ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง หรือเพราะสถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้ผู้ชุมนุมพูดเกินเลยไป จึงต้องดูเจตนา แต่คำถามที่ต้องคิดคือ ประเทศเราได้อะไรจากการดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ส่วนตัวมองว่าการนิรโทษกรรมสามารถทำได้ และรัฐบาลนี้ก็ถูกคาดหวังว่า ครั้งหนึ่งรัฐบาลเองก็ถูกจดจำในประวัติศาสตร์ว่าอยู่เคียงข้างประชาชน ต่อสู้เพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ต่อสู้กับชนชั้นนำ หรือผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในสังคม ทำไมวันนี้เปลี่ยนไปขนาดนั้น


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า แม้กระทั่งนายภูมิธรรมเอง แน่นอนตนเองทราบดีว่าคนเดือนตุลาฯ ก็มีอุดมการณ์ที่หลากหลาย สิ่งที่เคยต่อสู้ในวันนั้นอาจจบลงไปแล้ว แต่คุณมองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การชุมนุมปี 2563 การต่อสู้ของภาคประชาชน ไม่เห็นตัวเองในนั้นบ้างเลยหรือ


“ถ้าสมมติว่าผมเป็นคนแบบคุณอ้วน ภูมิธรรม ผมคงรับตัวเองไม่ได้นะ อะไรทำให้การตัดสินใจของท่านในการคลี่คลายความขัดแย้ง ทั้งที่ตัวเองมีโอกาสแล้ว ความจริงคุณภูมิธรรมเคยเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในสังคม เคยถูกกล่าวหา วันนี้บ้านเมืองของเราต้องการโอกาสที่ 2 เราต้องการการนิรโทษกรรม”


นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า หลายคนที่มาเป็นนักการเมืองในวันนี้ ไม่สามารถมาเป็นได้ หากไม่ได้รับการนิรโทษกรรมก็ไม่สามารถมายืนตรงนี้ได้ ตนอยากให้เรามองเห็นประโยชน์ว่า นี่คือโอกาสที่ประเทสไทยจะได้เริ่มต้นกันใหม่ เชื่อว่านิรโทษกรรมเป็นวิธีการที่น่าจะพอคุยกันได้ และละมุนละม่อมที่สุด จะตั้งเงื่อนไขก็ตั้งกันว่าอะไรคือความเหมาะสม และการนิรโทษกรรมก็ไม่ใช่การยกเลิกกฎหมาย ไม่ใช่การแก้ไข มาตรา 112 และกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ไม่ได้รวมไปถึงการนิรโทษกรรม ดังนั้น รัฐบาลสามารถทำได้ และคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสังคมวันนี้


เมื่อสื่อมวลชนถามว่า นายภูมิธรรมอาจจะได้รับใบสั่งมาหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่อยากไปสรุปว่ามีใบสั่งหรือไม่มี แต่อยากให้มองว่า นี่คือโอกาสที่สังคมไทยจะได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ วันนี้ท่านได้อยู่ในอำนาจแล้ว อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป มันจะเป็นบาดแผลครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เฉพาะของสังคมไทย แต่จะเป็นบาดแผลของตัวท่านเองด้วย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MAAGji14BRI

คุณอาจสนใจ

Related News