เลือกตั้งและการเมือง

‘ช่อ’ วิเคราะห์ปมพ่ายเลือกตั้งพิษณุโลก – ‘จักรภพ’ ชี้ ปชน.แนวคิด ‘ปฏิวัติ’ แต่พรรคร่วมรัฐบาล ‘ปฏิรูป’

โดย nattachat_c

17 ก.ย. 2567

22 views

วานนี้ (16 ก.ย. 67) ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอได้ พูดคุยกับคุณพรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ วิเคราะห์หลังพรรคเพื่อไทยชนะพรรคประชาชน


คุณพรรณิการ์ วานิช ยอมรับว่าถ้าไม่เสียใจก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่เดิมที่ชนะการเลือกตั้งถึงสองครั้ง พร้อมระบุว่าเป็นเรื่องที่ดีที่แพ้การเลือกตั้งเพราะว่าจะทำให้ลดอีโก้ลง แล้วก็ต้องมาทบทวนว่า ทำอย่างไรให้ในการเลือกตั้งปี 70 ที่จะนำไปสู่จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 250 เสียง


ส่วนคำถามที่บอกว่า ไหนบอกว่ายักไหล่แล้วไปต่อ ผลการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่เลือกตั้งราชบุรีมาถึงพิษณุโลกก็แพ้ทั้งสองสนาม ซึ่งต้องบอกว่าสนามการเลือกตั้งที่ราชบุรี และพิษณุโลกมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก เพราะเราไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากในการต่อสู้


ส่วนที่พิษณุโลกเขตหนึ่งเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าส้มเข้ม แต่ถ้าเราไปดูรายละเอียดในเชิงคณิตศาสตร์ ที่เราได้คะแนนเพิ่ม 100,000 คะแนน ส่วนที่พิษณุโลกมันไม่ได้เป็นการหาเสียงเพื่อหาคะแนนเพิ่ม เพราะคะแนนมันใกล้เต็มอยู่แล้ว แต่มันคือการหาเสียงเพื่อรัฐษาฐานที่เดิม หรือรักษากลุ่มคะแนนเดิมเอาไว้ให้ได้ ซึ่งตัวเลขที่ออกมา สัดส่วนของคะแนนก็ยังคงที่แต่สิ่งที่แพ้เพราะว่าพรรคเพื่อไทยได้ร่วมมือ กับพรรคร่วมรัฐบาลในการสู้ศึกเลือกตั้ง จึงทำให้คะแนนเพิ่มมาสามเท่าตัว แต่ตัวแปรสำคัญตนก็มองว่า กลุ่มคนที่อยู่นอกเขตการเลือกตั้ง ที่มีความลำบากในการเดินทางกลับภูมิลำเนาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และหน้าที่การงาน


ส่วน คำถามที่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ได้กระแสจากท่านนายก ตนเองอยากบอกว่า คงไม่ใช่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ นิดาโพลได้ออกมาเผยแพร่ผลสำรวจความเชื่อมั่นต่อนายกฯ แพทองธาร พบว่า ประชาชนเกิน 50% ไม่เชื่อมั่นในตัวนายกฯ ซึ่งถ้าเอาตามที่คุณสมศักดิ์พูด นั่นก็แปลว่าโพลผิด ส่วนจุดเปลี่ยนสำคัญคือผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 7000 กว่าคะแนน ที่ถือว่ามีสัดส่วนค่อนข้างมาก ตนคิดว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่ทำใจไม่ได้ที่จะกาพรรคเพื่อไทย และจำใจไม่ได้ที่จะกาพรรคประชาชน


หลังจากนี้สิ่งที่พรรคประชาชนต้องแก้ไขคือการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่กำลังจะเกิดขึ้น / เพราะว่าจะต้องเจอกับพิษณุโลกโมเดล และ ราชบุรีโมเดล เพราะว่าพรรคร่วมรัฐบาล หรือกลุ่มทางการเมืองท้องถิ่นสามารถหลีกเลี่ยงให้กันได้เพื่อต่อสู้กับพรรคประชาชน และไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต ซึ่งก็ต้องมีการรณรงค์ให้กลับบ้านเพื่อไปเลือกตั้งให้ได้มากที่สุดถึงจะมีโอกาสที่จะชนะ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมามีการรณรงค์ให้กลับบ้านไปเลือกตั้งซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ


ทั้งนี้ ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ได้สัมภาษณ์นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์หลังพรรคเพื่อไทยชนะพรรคประชาชน


นายจักรภพ ระบุว่าคะแนนการเลือกตั้งที่พิษณุโลกของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทิ้งห่างกับพรรคประชาชนมาก ก็จะต้องเดินหน้านโยบายต่อไป เพราะปัญหาของผู้ชนะก็จะมีอยู่ที่ กำลังดีใจ และยังไม่เดินหน้าลงพื้นที่ต่อ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นให้เพิ่มขึ้น


ส่วนการรวมการเฉพาะกิจสู้พรรคประชาชนนั้น ยอมรับว่า เกิดขึ้นจริง เพราะก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตหนึ่งเลยมานานกว่า 20 ปีแล้ว


พอเกิดการเลือกตั้งซ่อม ก็มีการประสานงานระหว่างกลุ่มการเมือง แต่ก็ต้องมาดูว่า การผูกพันระหว่างพรรคการเมืองจะมีผลอย่างไรในการทำงานในพื้นที่บ้าง


ส่วนโมเดลการเลือกตั้งแบบนี้จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ ตนเองเชื่อว่าอาจจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ได้ซึ่งก็ต้องมีการพูดคุยกัน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าวันเลือกตั้งจริงจะสามารถเกิดแผนนี้ได้หรือไม่ เพราะว่าการเมืองมันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


ส่วนการเลือกตั้งพิษณุโลกที่เกิดขึ้นมัน คือการรวมกลุ่มกันระหว่างสองแนวคิดคือพรรคการเมืองที่มีแนวคิดของการปฏิรูปเอาไปชนกับพรรคประชาชนที่มีแนวคิดของการปฏิวัติ เพราะว่า ถ้าไม่มีการประสานกัน ไม่มีการจับมือกัน คะแนนของพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้กระโดดขึ้นมาหลายเท่าตัวแบบนี้


แต่ข้อควรระวังของพรรคเพื่อไทยคือต้องแยกให้ออกว่า คะแนนไหนเป็นคะแนนของพรรคเพื่อไทยจริง ๆ และส่วนไหนที่เป็นคะแนนที่ได้จากการประสานงานระหว่างกลุ่มการเมือง



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fP3x8kEA-Qs









คุณอาจสนใจ

Related News