เลือกตั้งและการเมือง
นายกฯ แถลงนโยบาย ย้ำคนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี - 'เท้ง' ตั้งฉายา 'รบ. 3 นาย' นายใหญ่-นายทุน-นายหน้า
โดย nattachat_c
13 ก.ย. 2567
11 views
วานนี้ (12 ก.ย. 67) การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเริ่มในเวลา 09:19 น. และจบในเวลา 10:15 น. ว่า คณะรัฐมนตรีขอแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงเจตนารมณ์ ยุทธศาสตร์ และนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคี ปรองดองให้เกิดข้ึนในสังคมไทย และจะนำไปสู่ความร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาวไทยทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในนามนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้ความมั่นใจ กับรัฐสภาแห่งนี้ว่า จะตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมท้ังประสานพลังจากทุกภาคส่วน จากทุกช่วงวัย จากทุกความเชี่ยวชาญ ขับเคลื่อนนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเพื่อตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบันให้สำเร็จ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักด์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย เพื่อสร้างความหวังและอนาคตที่ดีกว่าให้ประเทศไทย จากวันนี้ไปถึงอนาคต
ต่อมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ได้อภิปรายว่า วันนี้ ซึ่งเป็น 1 ปีที่สูญเปล่าของการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ และ 3 ปีต่อจากนี้ ตนจะตั้งชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า รัฐบาล 3 นาย คือ นายใหญ่ นายทุน นายหน้า ที่มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง หรือพูดง่าย ๆ คือไม่มีอนาคตที่ดีขึ้น หากเราอยู่ในระบบการเมืองเช่นนี้ เพราะพวกท่านกำลังสยบยอมกระบวนการนิติสงคราม ที่ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศไปสูญสิ้น
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า นโยบายเรือธงที่เรามีคำถามว่าเป็นนโยบายเรือธงเพื่อใคร เพื่อประชาชนหรือเพื่อ 3 นาย เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการกลับไปกลับมาจนถึงวันนี้เงินก็ยังไม่เข้า พวกตนสนใจว่าเป็นนโยบายเรือทุนที่ให้นายใหญ่ขึ้นหรือไม่
นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ มีข้อครหาว่าจะมีการเปิดกว้างในขณะประมูลหรือล็อกการประมูลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นนโยบายเรือธงให้กับนายทุนใช่หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายแลนด์บริดจ์ที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงใช้งบงบประมาณของรัฐ การเวนคืนที่ดิน และมีการตั้งคำถามว่าเป็นนโยบายที่เอื้อให้กับนายหน้าค้าที่ดินใช่หรือไม่ สรุป 3 นโยบายเรือธงของรัฐบาลมีประชาชนอยู่ตรงไหนในสมการ วันนี้พวกตนอยากได้ยินคำตอบจากทุกท่าน
ประเทศไทยในวันนี้ เราเดินมาจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ อีกหนึ่งวันซึ่งไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรมีวาระโหวตน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ และพรรคประชาชนยืนยันว่า พวกเราไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง
พวกเรายังยืนยันไปยังสังคมอีกว่า สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างนิติรัฐและหยุดยั้งกระบวนการนิติสงคราม ที่นักการเมืองผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยตรงมาจากประชาชนผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุดกำลังถูกถอดถอน ถูกทุบทำลาย ด้วยกลไกทางจริยธรรม
สิ่งที่ผมอยากเห็นอยู่ในหัวข้อแรก ๆ ที่ไม่ได้มีอยู่ในนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ และควรจะเป็นนโยบายเรือธงเช่นเดียวกัน เพื่อให้เจ้านายของท่าน ไม่ใช่ 3 นาย แต่เป็นประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดนั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากเดิมที่นโยบายนี้เคยเร่งด่วน ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในปี 2566 กลายเป็นไม่ด่วน หลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดที่แล้ว
และมาวันนี้ ผมคิดว่าทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกัน ควรจะกลายเป็นนโยบายเร่งด่วนของท่านได้แล้ว และประชาชนคนไทยทั้งประเทศกำลังรอฟังคำตอบว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลตัวแทนในวันนี้ที่ผมตั้งคำถามว่า อาจจะไม่ใช่รัฐบาลตัวจริง จะช่วยทำให้ 3 ปีต่อจากนี้ เป็น 3 ปี ที่เจ๊ากับเจ๊ง ใช่หรือไม่ ถ้าเราไม่กลับไปแก้ปัญหาที่ต้นตอ
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนและนายกรัฐมนตรีเพิ่งจะมาดำรงตำแหน่งสูงสุดในแต่ละซีกฝั่งของการเมืองนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นเดียวกัน ตนและท่านเกิดและเติบโตมาในสังคมยุคเดียวกัน ถูกหล่อหลอม และผ่านสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนี้มาแบบเดียวกัน และหากจะระบุให้แฟร์ ตนคิดว่าท่านผ่านประสบการณ์ในชีวิตที่ท่านได้รับผลกระทบทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรั้วมหาวิทยาลัยมาหนักกว่าตนเสียอีก
และวันนี้ท่านมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล ส่วนตนมาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่มีจำนวนเก้าอี้สส. มากที่สุดในสภาฯ ซึ่งคาดหมายได้ว่าจะถูกเสนอชื่อเป็นผู้นำฝ่ายค้านในอนาคตอันใกล้นี้ สิ่งที่ตนเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ ตนและท่านมาอยู่ตรงนี้นอกจากบริบทและสถานการณ์พาไป อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือเราสองคนตัดสินใจ ที่จะมารับตำแหน่งตรงนี้เพื่อเดินหน้าต่อ
สำหรับผมตัดสินใจที่จะมารับบทบาทตรงนี้ เพื่ออยากนำพายานพาหนะที่มีชื่อว่าอนาคตใหม่ ก้าวไกล และประชาชน ให้เดินหน้าต่อเพื่อทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ส่วนท่านในวันสำคัญวันนี้ในขณะที่ครม.มาแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทุกคำพูดของท่านมีผลผูกมัดต่อการดำเนินนโยบายต่อจากนี้อีก 3 ปี
และผมอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีพูดนอกสคริปต์ที่เจ้าหน้าที่เตรียมมา ซึ่งผมเข้าใจว่า ต้องทำเพราะข้อบังคับตามกฏหมาย แต่ท่านสามารถลุกขึ้นตอบได้นอกสคริปต์ ผมอยากให้ท่านแสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ผู้นำที่ดีนอกจากการฟังสมาชิก หรือรับฟังความเห็นแล้ว ต้องชี้นำความคิดที่ถูกที่ควรให้กับสมาชิก และสังคมด้วยผมอยากให้ท่านชี้นำรัฐบาลของท่านด้วยการลุกขึ้นตอบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศนี้
ซึ่งเราสามารถเดินหน้าร่วมกันได้เพื่อทำให้ระบบการเมืองมีความยืดหยุ่นกับประชาชน และมีประชาชนในสมการการตัดสินใจมากขึ้น
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5GafCmtW7d8