เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' รับผลโพลเป็นฟีดแบคให้ต้องปรับตัว 'พิธา' ขอบคุณปชช. หวังอีก 20% ที่ไม่เลือกใคร

โดย passamon_a

1 ก.ค. 2567

45 views

เศรษฐา รับผลโพลเป็นฟีดแบคให้ต้องปรับตัว แต่สุดท้ายผลงานจะเป็นที่ยอมรับ ด้าน พิธา ขอยกความดีความชอบให้ทุกคนในพรรค หลังผลนิด้าโพลก้าวไกลเนื้อหอมสุด ขอให้กำลังใจนายกฯได้คะแนนที่ 3 บอกถ้าเป็นตัวเองคงไม่เสียกำลังใจ ตั้งหน้าพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก ตั้งข้อสงสัยตัวเลขคนโหวตไม่มีคนเหมาะสมเพิ่มขึ้น เตรียมทำการบ้านให้เปลี่ยนใจมาเทคะแนนให้ก้าวไกล


เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลสำรวจยังออกมาพบว่านายกรัฐมนตรียังได้รับความนิยมเป็นรองจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล จะมีการปรับยุทธศาสตร์อย่างไร ว่า ตนคิดว่ายุทธศาสตร์เรามีการปรับตลอดเวลา จะมีโพลหรือไม่มีโพลก็ตาม เพราะการลงพื้นที่แต่ละครั้งก็ถือว่าไม่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ยังมีข้อร้องเรียน ข้อเรียกร้อง ระยะเวลา และความลึกของการลงพื้นที่ รวมถึงระยะเวลาที่ให้กับพ่อแม่พี่น้อง มีหลาย ๆ ปัญหาที่ยังไม่ถูกนำมาพูดถึง แต่ทุกครั้งเวลาลงพื้นที่เวลากลับไปจะมีการพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ใช่แค่ลงพื้นที่อย่างเดียว นโยบายต่าง ๆ หรือการที่จะมีการปรับโครงสร้าง และการดูแลประชาชนในหลาย ๆ ด้าน เราคงมีการปรับตัว โพลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ให้ฟีดแบคกับเรา


เมื่อถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้คะแนนจากความมุ่งมั่น โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองยังขาดอะไรอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันก็มีหลายจุด และต้องยอมรับว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ และนโยบายหลักก็ยังไม่ได้คลอดออกไป งบประมาณเพิ่งใช้ได้ไม่ถึง 2 เดือนนี้เอง แต่ก็ไม่ได้อยากอ้างงบประมาณตลอดเวลา ทั้งนี้มองในเรื่องความมุ่งมั่นก็ต้องขอบคุณ แต่ท้ายสุดแล้วคือผลงานมากกว่าที่เราต้องยอมรับ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน แต่ทุก ๆ คำถาม ทุก ๆ โพลที่ออกมาเราก็น้อมรับ ส่วนการจะไปถามครอบคลุมทุกภาคส่วนหรือเปล่าสื่อมวลชนต้องไปดู ว่าเข้ามาสำรวจในจังหวัดสุรินทร์หรือในพื้นที่รอบ ๆ ครบหรือเปล่า หรือถามแต่จังหวัดใหญ่ ๆ


ส่วนที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษา​หัวหน้า​พรรค​ก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลไตรมาส 2 ที่นายพิธา และพรรคก้าวไกล ได้คะแนนอันดับ 1 เป็นการตอกย้ำว่าหากยิ่งยุบพรรค จะยิ่งโตหรือไม่


โดย นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้ตอกย้ำตรงนั้น ซึ่งการได้คะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 ต้องยกความดีความชอบให้เพื่อน ๆ พรรคก้าวไกลทุกคน รวมถึงทีมงานจังหวัด ทีมพื้นที่ พนักงาน สมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร และ สส. ที่ทำงานกันอย่างหนัก พิสูจน์ตัวเองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ


อย่างที่สอง ตนต้องขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่ร่วมทำโพล และให้ความไว้วางใจ พรรคก้าวไกลเราจะไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวัง และเป็นเครื่องเตือนใจว่าเรายิ่งต้องทำงานให้หนักขึ้นสมกับความคาดหวัง ยิ่งคาดหวังเยอะ เราก็ต้องทำงานหนักเต็มที่


อย่างที่สาม ตนไม่ได้คิดว่าต้องมาดูตัวเลขไตรมาสต่อไตรมาส มันต้องดูความต่อเนื่อง อัตราการเพิ่มหรือลด ที่กังวลก็คือคนที่มาเป็นที่ 2 คือยังหาบุคคลที่เหมาะสมไม่ได้ 20% ตนคิดถึงปี 2565-2566 ช่วงก่อนหน้า ตัวเลขนี้แค่ประมาณ 18% ไม่ถึง 20% มันแสดงออกอะไรได้หลายอย่าง


"ผมก็ต้องไปนั่งคิด เตรียมกระบวนการทำงาน เพื่อที่จะเข้าใจว่า 20% อะไรที่ทำให้เขานอนไม่หลับ แล้วทำให้ 20% นี้ มารวมกับ 45-50% ของผมให้ได้ เพื่อที่จะเปลี่ยนใจให้เขารู้ว่าผมคือตัวแทนของเขา ผมคือแคนดิเดตของเขา" นายพิธา กล่าว


นายพิธา ระบุว่า ผลคนโหวตหาบุคคลเหมาะสมไม่ได้สะท้อนว่าการเมืองทั้งระบบไม่ตอบโจทย์ ซึ่งก็ตรงกับที่อภิปรายงบประมาณ ตนไม่ได้เล่นคำ Ignite กับ Ignore ให้เป็นวาทกรรม แต่ตนรู้สึกว่ามีคนที่ถูกทอดทิ้งในระบบการเมืองไทยจริง ๆ มีคนไม่มีปากเสียงในระบบการเมืองไทยจริง ๆ แล้วตนอยากรู้ว่าตัวเลข 20% ที่ขึ้นลง สะท้อนอะไรบ้างเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา


เมื่อถามว่า ตามโพล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาเป็นอันดับ 3 มองปรากฏการณ์อย่างไร นายพิธา ย้ำว่า ตนคงจะพูดในมุมที่อยากจะพูดกับตนเองเหมือนกัน ว่าต้องพิสูจน์ตัวเองในการทำงานหนัก ไม่ได้ต้องรู้สึกผิดหวังจากตัวเลขที่ลดลง ตนก็เคยโพลลดลง มันก็ไม่ได้ทำให้ย่อท้อหรือรู้สึกว่าอยากจะทำงานการเมืองน้อยลง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียกำลังใจ เพราะในช่วงที่บ้านเมืองลำบากยากแค้นขนาดนี้ ต้องมีกำลังใจดีและพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนอยู่เสมอ ตนขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/c5hZ21_OHk4

คุณอาจสนใจ

Related News