เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' ยันหลังสงกรานต์ จะคุยเรื่องปรับ ครม. เน้น ปชช.เป็นที่ตั้ง - 'ทักษิณ' ชี้ปรับ ครม.ขึ้นกับนายกฯเท่านั้น

โดย nattachat_c

15 เม.ย. 2567

48 views

วานนี้ (14 เม.ย.67)  เวลา 13.40 น. ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ในช่วงเย็น (14 เม.ย. 67) จะไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านเลอค็อกดอร์ ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นนายกฯ ซึ่งตอนนี้ ก็ยังเปิดบริการอยู่


ส่วนที่จะมีรัฐมนตรีหลายท่านมาพบด้วยนั้น มีนัยยะทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่หรอก มันเป็นประเพณี โดยเฉพาะตนเป็นคนเชียงใหม่ ประเพณีสงกรานต์เขาก็มารดน้ำดำหัวเป็นเรื่องปกติ ตนอายุ 75 แล้ว พวกที่อยู่ทั้งหลายตอนนี้ อายุน้อยกว่าตนทั้งนั้น ที่อายุเยอะกว่า เห็นจะมีแค่ท่านสมศักดิ์ พงษ์พานิช ส่วนที่หลายคนมองว่า หากใครไม่มาเช็กชื่อ ก็จะได้ไม่ได้เป็น รมต. ก็คงไม่ไม่เป็นแบบนั้น ตนเป็นคนไม่จุกจิก และไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับท่านนายกฯ ซึ่งนายกฯจะเป็นคนตัดสินใจเองว่า ใครจะอยู่ใครจะไป


เมื่อถามว่า จะพูดอย่างไรให้รัฐมนตรีที่เข้าใจผิดว่า จะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องวิ่งเข้าหา  นายทักษิณ กล่าวว่า “Nothing is permanent" ไม่มีอะไรเป็นสรณะ เพราะมันก็มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มีตำแหน่งแล้วต้องหมดตำแหน่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดอะไรมาก ระหว่างที่มีตำแหน่งอยู่ ก็ทำให้ดีที่สุด สร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเมืองไป


ส่วนที่มีการมองว่า นายทักษิณกลับมาจะเป็นศูนย์กลางอำนาจ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นศูนย์กลางของคนแก่ ที่พวกรุ่นน้อง ๆ อยากมาปรึกษาหารือ ตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นคนแก่สุดแล้ว ถือว่าเริ่มเข้าวัยเบญจเพส อีก 25 ปี ก็ครบ 100


เมื่อถามถึงกระแสข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล และมีการโยงชื่อของนายทักษิณว่า เป็นผู้คุยดีลนี้ นายทักษิณ ย้อนถามว่า “เหรอครับ ก็รู้จักกันทั้งนั้น ก็คุยการเมืองกัน หลายคนอยากทำงานให้บ้านเมือง แต่บางครั้งทุกอย่างก็มีจำกัด เก้าอี้รัฐมนตรีก็มี 36 รวมทั้งนายกฯ ด้วย ก็ต้องมีจำกัด ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ขอให้ไปถามนายกฯ ซึ่งการพบกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็กินกาแฟกันธรรมดา อย่าง นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยเป็นผู้สมัคร สส.พรรคไทยรักไทย สมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ ๆ ก็เลยรู้จักกัน


เมื่อถามย้ำว่า แล้วที่คุยนั้น คุยกับหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรค หรือใคร นายทักษิณ ระบุว่า ไม่ ตนก็คุยกับคนรู้จัก

-----------------

วานนี้ (14 เม.ย. 67)  เวลา 18.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีนัดรับประทานอาหารร่วมกับรัฐมนตรีแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) และ สส.ของพรรค ที่ร้านอาหารเลอค็อกดอร์ จ.เชียงใหม่


โดยเวลา 17.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาถึงเป็นคนแรก จากนั้นรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ต่างทยอยเดินทางมาถึง ประกอบด้วย

  • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม,
  • นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
  • นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
  • นายไชยา พรหมมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  • นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี
  • น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
  • นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  • นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
  • นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
  • นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง


ส่วนแกนนำพรรค และ สส.ที่เดินทางมา อาทิ

  • นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ
  • นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)
  • น.ส.ศรีโสภา โกฏคำลือ สส.เชียงใหม่
  • นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
  • นายไพโรจน์ โรจน์สุนทร สส.ลำปาง
  • นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ
  • นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่


สำหรับบรรยากาศที่ร้านอาหารนั้น ทันทีที่ นพ.ชลน่าน มาถึง ผู้สื่อข่าวแกล้งจะนำปืนฉีดน้ำฉีดใส่ นพ.ชลน่าน แต่ นพ.ชลน่าน ชิงกล่าวก่อนว่า “ไม่ยิง ผมก็ตายแล้ว”  


ส่วนนายชูศักดิ์ เมื่อเดินทางมาถึง ก็ถูกผู้สื่อข่าวแซวว่า “เตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือยัง” นายชูศักดิ์ นำมือแกล้งจะตีหัวผู้สื่อข่าวด้วยความอารมณ์ดี แต่ไม่ได้ตอบคำถาม


ส่วน นายประเสริฐ เมื่อมาถึงก็กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า “ยังอยู่นะ” ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า “ยังอยู่นะ หรืออยู่ที่ไหน“ นายประเสริฐ กล่าวว่า ”ไม่รู้ ไม่รู้“ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน


จากนั้นเวลา 17.30 น. นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว และ...

  • นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
  • นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
  • นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย
  • นายปลอดประสพ สุรัสวดี
  • นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี


ก็เดินทางมาถึง  โดยมีรัฐมนตรี และสส.ของพรรค เดินออกมาต้อนรับ

-------------

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่นายทักษิณจะเดินทางมาถึง บรรดารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของพรรค พท. พากันออกมายืนรอรับนายทักษิณหน้าร้าน  


นายทักษิณเดินทางมาถึงร้าน โดยสวมเสื้อฮาวายสีขาว รูปหัวใจสีแดง บรรดารัฐมนตรีพากันเข้าไปทักทาย  นายทักษิณก็กล่าวทักทาย และกล่าวหยอกล้อกับรัฐมนตรีว่า “โอ้ ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลยไหม ประชุมได้เลยไหม ครบองค์เลยเนี่ย เกิน 18 หรือยัง”  


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุเกิน 18 หรือยัง หมายความว่าอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ 18 เกินครึ่งถือว่าครบองค์ประชุม  


เมื่อถามย้ำว่า ประชุมเลยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมไม่มีสิทธิ์เปิดประชุม แต่มาครบองค์”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐมนตรีสัดส่วนพรรค พท. ที่ไม่ได้มาร่วมรับประทานอาหาร เนื่องจากติดภารกิจ มี 4 คน ประกอบด้วย

  • นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
  • นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

-----------------

เมื่อวานนี้ (14 เม.ย. 67) ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะแม้นายกรัฐมนตรีจะยืนยันว่า จะยังไม่ปรับ แต่คนก็ยังโฟกัสเรื่องนี้  และยังมีคำถามว่า หากมีการปรับจริง จะปรึกษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่


นายเศรษฐา กล่าวว่า ในความเห็นของพี่น้องประชาชนหลายล้านคน เห็นว่านายทักษิณเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ตนได้แถลงไปแล้ว หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน  โดยต้องมีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย


ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังสงกรานต์จะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า “แน่นอนครับ”


เมื่อถามว่า จะเป็นการพูดคุยในลักษณะส่งสัญญาณ หากพรรคไหนต้องการจะปรับสามารถแจ้งได้เลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุย เป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว


ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุก option มีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมด


เมื่อถามว่า นอกจากการปรับโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ยังมีปัจจัยอะไรอีกที่จะทำให้นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม  นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเจาะจงกระทรวงไหน เป็นการพูดในหลักการคร่าว ๆ มากกว่า หากจะไปทำงาน หรือมีการโยกย้าย ไม่ใช่เฉพาะตนเองคนเดียว รัฐมนตรีท่านอื่นก็ต้องดูให้ถูกคน เราก็รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน แม้แต่สื่อมวลชนเองก็บอกว่าบางคนทำงานยังไม่ถูก ยังไม่ดีพอ อ่อนในหลายด้านรวมถึงการสื่อสาร ด้านการประสานงาน ทุกข้อคิดเห็นตนนำมาพิจารณาหมด หากจะมีการปรับ  ครม.


เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี คือผู้มีอำนาจจรดประกาศเซ็น การปรับครั้งนี้จะเป็นการปรับใหญ่เลยหรือไม่  เพื่อจะขับเคลื่อนงบประมาณไปยาว ๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าตนไม่อยากจะเจาะจง ว่าปรับใหญ่ หรือปรับเล็ก  หรือปรับใคร ไม่ปรับใครบ้าง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุย และผลงานของแต่ละคนด้วย


เมื่อถามว่า การปรับรอบนี้จะถูกฝาถูกตัวเลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนอะไรต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆไป พรุ่งนี้มะรืนไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับ หากจะมีการปรับต้องมีความชัดเจนว่า มีความเหมาะสม ถูกต้องถูกเวลา แต่อาจจะต้องมีหลายท่าน อาจจะยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังต้องการเวลาในการทำงานอยู่ เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และคิดว่า หากจะมีการปรับก็คงปรับเรื่อย ๆ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย


เมื่อถามว่า ปรับ ครม.ครั้งนี้ จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลังหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มั่นใจครับ ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแรงกระเพื่อม มีความไม่สบายใจก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ ”


เมื่อถามว่าแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยค่อนข้างเยอะ การปรับครั้งนี้จะทำให้แรงกระเพื่อมในพรรคลดลงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่แน่ใจครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาการทำงานเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้  มันแล้วแต่วาระของเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์ปัจจุบัน อาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภา พอสภาแข็งแกร่งท่านอาจจะกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ในอดีตทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การปรับ ครม.ก็มีการปรับเข้า-ปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยครับ ถ้ามันเกิดขึ้นเดี๋ยวค่อยมาว่ากันดีกว่า”


เมื่อถามว่า รัฐมนตรีแต่ละคนถือว่ามีโปรไฟล์สูง ทำงานมา 7 เดือนแล้ว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องพิจารณาปรับ ถ้าทำงานไม่เข้าเป้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องปรับ ครม. ตนพูดไปเยอะแล้ว ความจริงไม่ได้ปรับภายในวันหรือสองวันนี้  ถ้าพูดไปเรื่อยก็แรงกระเพื่อมไปเรื่อย จุดประสงค์ใหญ่ ถ้ามีการปรับ ครม.ก็ปรับให้ถูกฝาถูกหน้าที่ ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วย ว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่า เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 เดือนที่แล้วกับวันนี้ สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวม


ส่วนที่นายกฯ บอกว่า 314 เสียงแข็งแกร่งแล้ว แต่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการไปพูดคุยกับนายทักษิณ จึงมีคำถามกลับมาว่ามีโอกาสหรือไม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า นายทักษิณเป็นผู้ที่มีความอาวุโสทางด้านการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการเยอะ  การที่จะไปทานข้าว พูดคุยกับใคร เชื่อว่าจุดมุ่งหมายคือประชาชนเป็นหลัก ฉะนั้น การจะไปกินข้าวกับใคร สามารถตีความได้หลายอย่าง โดยส่วนตัวของตนไม่เคยพูดคุยกับใคร แม้แต่ไปเจอกับ นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และสส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ที่นายชัยชนะมาวันนั้น  ก็มาในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะมาเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพักผ่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับครอบครัวที่หัวหิน นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาช่วงเย็นเดินเล่นริมชายหาดกับบุตรสาว นางสาวชนัญดา ทวีสิน โดยประชาชนที่พบเห็นได้เข้ามาทักทาย และขอถ่ายภาพด้วย  

-------------
วานนี้ (14 เม.ย. 67) ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทยในปี 2568  โดยผู้สื่อข่าวถามนายเศรษฐาว่า มีการประสานงานมายังรัฐบาลแล้วหรือไม่


นายเศรษฐา กล่าวว่า  ผู้ต้องคดีการเมืองทุกคน เชื่อว่าหลายคนอยากกลับบ้านเกิดเมืองนอน และถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมายังรัฐบาล และเชื่อว่าทุกกระบวนการเป็นไปตามกฎหมาย ต้องมีขั้นตอนที่จะเข้ามา จริงๆ แล้วไม่ต้องมีการประสานอะไร เนื่องจากมีกระบวนการทางกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน  หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องการเดินทางกลับไทย ก็ต้องทำตามขั้นตอนและเป็นไปตามนักโทษคดีทางการเมืองอื่นๆ เราก็อยากให้กลับมา เพราะถือเป็นนิมิตหมายอันดี ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้


ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะนายกฯ เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศกังวลหรือไม่ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีความกังวล อย่างกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายทักษิณ รวมไปถึงอีกหลายคน  ตนก็สนับสนุนให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนไม่มีประเด็นความกังวลในเรื่องดังกล่าว ยินดีต้อนรับทุกคนกลับสู่แผ่นดินไทย


ส่วนจะมีโอกาสลงพื้นที่กับนายทักษิณหรือไม่  นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าหลายคน ไม่ใช่เฉพาะนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และเป็นพ่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ตนเชื่อว่าหากจะเป็นการเดินสายหาข้อมูลจากประชาชน ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนจะช่วยหรือไม่ช่วย ตนเข้าใจดีถึงความตั้งใจของท่าน เพราะท่านอายุขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าท่านประสบความสำเร็จมาเยอะ และวันนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เป็นบุคคลธรรมดาคนหนึ่งตนมั่นใจเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ว่า ท่านมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ


“แต่ขณะนี้ ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการลงพื้นที่ร่วมกับนายทักษิณแต่อย่างใด แต่ผมก็ไม่ได้ตัดโอกาสนี้ออกไป ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ร่วมกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.), พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในพื้นที่ภาคใต้ และพื้นที่ดังกล่าวไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยแม้แต่คนเดียว ก็มั่นใจว่าผมเป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน และเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ซึ่งการลงพื้นที่เราคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนสูงสุด”


เมื่อถามว่า หากนายทักษิณ หรือบุคคลอื่นจะลงพื้นที่หาข้อมูล หรือจะให้แนะนำในเรื่องต่าง ๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า ทำตัวเป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว หลายคนก็มีความชำนาญในพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ไม่ใช่แค่เพียงนายทักษิณคนเดียว แต่ตนมั่นใจเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ว่า นายทักษิณปรารถนาดีกับประเทศชาติแน่นอน


ส่วนการลงพื้นที่ของนายทักษิณจะเป็นการดึงคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่ประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่หากคิดอย่างตรงไปตรงมา ถ้าลงไปแล้วมีข้อคิดเห็นที่ดีและรัฐบาลสามารถปฏิบัติได้ ช่วยเหลือประชาชนได้ ตนก็มั่นใจว่าจะช่วยคะแนนของพรรคเพื่อไทยได้ และตนมั่นใจว่า นายทักษิณ คงไม่ได้ไปแค่พื้นที่ที่มีแต่ สส.เพื่อไทยเท่านั้น ท่านจะลงทุกจังหวัด เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ ท่านอื่นที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งตนพร้อมรับฟังความคิดเห็นของอดีตนายกฯ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

------------

คุณอาจสนใจ

Related News