เลือกตั้งและการเมือง

‘จักรภพ’ รับคุย ‘ทักษิณ’ ก่อนกลับไทย แบไต๋ร่วมงานรัฐบาล เล็งช่วยผู้ลี้ภัย

โดย petchpawee_k

29 มี.ค. 2567

18 views

ตำรวจให้ประกันตัว "จักรภพ เพ็ญแข" วงเงิน 4 แสนบาท ในคดีอาวุธปืน-อั้งยี่ เจ้าตัว ปัดไม่มีดีล ยอมรับพูดคุยปรึกษากับ “ทักษิณ”  แย้มจะช่วยเหลือบุคคลลี้ภัยการเมืองที่อยากกลับมาด้วย

ช่วงเช้าวานนี้ (28 มี.ค.67)  เวลา 09.30 น. นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม  ภายหลังจากนายจักรภพเดินทางลี้ภัยทางการเมืองนาน 15 ปี  โดยอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552  ก่อนจะตัดสินใจเดินทางกลับไทย เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ


โดยเดินทางถึงประเทศไทย เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีตำรวจกองปราบปรามไปรับถึงที่สนามบิน เพื่อมารับทราบข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและอั้งยี่ ซ่องโจร


โดยบรรยากาศหน้าตึกกองบังคับการปราบปราม มีคนเสื้อแดงถือดอกกุหลาบแดง มารอต้อนรับการกลับมาของนายจักรภพ   จนเวลา 13.00 น. นายจักรภพ เดินลงมาจากอาคารกองบังคับการปราบปราม หลังเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและยื่นประกันตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง


โดยทันทีที่ลงมาจากด้านบน นายจักรภพได้เข้าไปถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี


จากนั้น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเปิดเผยว่า  กลับจากต่างประเทศมามอบตัวเพื่อสู้คดีที่เหลืออยู่ 2 คดี  เป็นคดีอาวุธทั้ง 2 คดี ที่ศาลจังหวัดอยุธยา 1 คดี และที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก 1 คดี  โดยก่อนจะกลับมา ได้ติดต่อกับทนายความให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ทำให้กระบวนการการเข้ามอบตัวเป็นไปอย่างราบรื่น และตนประทับใจเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก เพราะอธิบายขั้นตอนต่างๆ อย่างครบถ้วน ทำให้ตนทราบสิทธิของตนเองและตอบคำถามได้อย่างมั่นใจ  ถือเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นมาก ทำให้มีความมั่นใจว่าจะสู้คดีได้ ส่วนผลจะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม


นายจักรภพ บอกว่า  ตนออกจากประเทศไทยไปในปี พ.ศ. 2552 แล้วกลับมาวานนี้  เป็นเวลา 15 ปีเต็ม รู้สึกว่าเสียดายเวลาที่จะได้รับใช้ประเทศชาติ  ดังนั้นจากนี้ไปตั้งใจว่าจะกลับมารับใช้ประเทศไทยในบทบาทต่างๆ ที่ทำได้ เรื่องการเมืองก็เป็นทางหนึ่ง รวมถึงการทำงานทางด้านการต่างประเทศ แต่ต้องรอให้พ้นจากเรื่องคดีก่อน  เมื่อพ้นแล้วก็จะขอทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต  แต่ยืนยันว่าไม่ได้คิดที่จะมาเปลี่ยนแปลงหรือสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนเรื่องการทำสื่อ ถ้ายังมีพื้นที่ให้ก็พร้อมที่จะกลับเข้าไปเสริม  ซึ่งตอนนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใครว่าจะไปทำงานส่วนไหน แต่หากรัฐบาลมาทาบทามให้ไปช่วยงาน ตนก็ยินดี


ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ตนเองเคยพูดไว้ว่า ถ้าไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ก็จะไม่กลับมานั้น นายจักรภพ ยอมรับว่า เคยพูดคำนี้ไว้จริง เมื่อตอนเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจในปี พ.ศ.2549 ซึ่งตอนนั้นรู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ ไม่มีอะไรจะย้อนกลับไปแก้ไข  แต่ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ตนคิดอะไรได้เยอะ และสถานการณ์ในประเทศไทยก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ  ตนอยู่นอกประเทศ สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า การเมืองในภาพใหญ่ เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะระบอบประชาธิปไตยที่เจริญเติบโตขึ้น


สำหรับกระแสข่าวว่ามีดีลในการเดินทางกลับมานั้น นายจักรภพ ระบุว่า คำว่าดีล ฟังดูไม่ค่อยดี  ยืนยันว่าไม่มีดีลทางการเมือง แต่อยมรับว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรที่ไม่ผ่านการพูดคุย แต่ไม่ใช่การคุยเพื่อเสนอข้อแลกเปลี่ยน เป็นการพูดคุยเพื่อหาจุดร่วม  ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ตนกลับมา เป็นเพราะการเมืองในภาพใหญ่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น สิ่งที่เคยพูดคุยกันไม่ได้ ตอนนี้ก็สามารถพูดได้แล้ว


เมื่อถามว่าเป็นเพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ทำให้มีความเชื่อมั่นมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น แต่ส่วนที่สำคัญคือ แม้กระทั่งผู้ที่มีส่วนในการยึดอำนาจในอดีต ตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนวิธีคิดไปเยอะ ทำให้บรรยากาศดีขึ้น


ทั้งนี้ ยอมรับว่า ก่อนจะเดินทางกลับมา ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อยู่ครั้งหนึ่ง ตนก็ถามว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง บรรยากาศโดยรวมเป็นอย่างไร แต่ในเรื่องคดีของตนเอง ก็ต้องทำการบ้านเอง ซึ่งนายทักษิณ ได้พูดคำสำคัญอยู่คำหนึ่งว่า “ยุคนี้หลายอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น” และหลังจากนี้ ตนจะเข้าไปพบนายทักษิณแน่นอน เพราะคิดถึง อยากจะแวะไปถามว่าท่านมีความสุขดีไหมตอนนี้


นายจักรภพ กล่าวอีกว่า สำหรับ 15 ปีที่ผ่านมา สำหรับตนถือว่านานมาก เพราะคิดถึงประเทศไทยทุกวัน พ่อกับแม่ก็เสียไประหว่างที่ตนไม่อยู่ คนที่เคยทำงานมาด้วยกันก็ขาดโอกาสที่จะทำงานต่อ เพราะขาดผู้นำ แต่ในส่วนของตนเอง ตัวคนเดียว จะกินจะอยู่อย่างไรก็ปรับตัวได้ ที่ผ่านมาก็ไปอยู่มา 5 ประเทศ ลำบากกายไม่เท่าไหร่ แต่ลำบากใจเยอะกว่า


ส่วนหลังจากนี้ หากมีอดีตแกนนำ รวมถึงทุกคนที่ลี้ภัยเรื่องการเมือง  แล้วอยากจะกลับมา ตนคิดว่า จะขอเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ ทั้งให้ความมั่นใจในการเป็นตัวอย่าง เป็นหนูทดลองยาให้เห็นว่าสามารถจะกลับมาได้ กลับมาแล้วเป็นอย่างไร และให้คำแนะนำในเรื่องของข้อกฎหมาย การต่อสู้คดีด้วย เมื่อถามถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายจักรภพ บอกว่า เท่าที่ทราบคือเหลือแค่คดีจำนำข้าว ซึ่งคิดว่าท่านก็อยากกลับบ้านเหมือนทุกคน แต่ระดับนั้น ตนคงไปช่วยไม่ได้ ขอช่วยแค่คนที่ตนช่วยได้ เช่น นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ทราบว่าน่าจะกลับมาในอีกไม่นานนี้


สำหรับตนหลังจากนี้ สิ่งแรกที่ทำก็คือ จะไปกราบร่างคุณแม่ที่ยังไม่ได้ฌาปนกิจ ซึ่งเก็บร่างไว้ที่ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน และไปกราบคุณพ่อที่ฌาปนกิจไปแล้วที่บ้านน้องสาว จากนั้นจะไปสักการะศาลหลักเมืองต่อ


ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ ระบุว่า  นายจักรภพได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมในภายหลัง  โดยได้ยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ใช้หลักทรัพย์คดีละ 200,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข และนัดหมายมารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 22 และ 23 เม.ย.67


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Lcv5GTbpLmg


คุณอาจสนใจ

Related News