รวบนักข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระ ทำข่าวพ่นสีวัดพระแก้ว - 'โรม' โพสต์กระตุก รบ.ต้องปกป้องเสรีภาพสื่อ

วานนี้ (12 ก.พ. 67)  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน กับ พ.ร.บ.ความสะอาด ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค. 2566 โดยตำรวจจาก สน.พระราชวัง เข้าแสดงหมายจับที่บ้านพัก พร้อมควบคุมตัว และยังมีนักข่าวอิสระถูกจับอีก 1 ราย บริเวณวัดสุทธิวราราม ก่อนนำตัวไป สน.พระราชวัง

โดย สำนักข่าวประชาไท ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้จับกุมนักข่าวประชาไท ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหาย จากการขีดเขียนข้อความ โดยทั้งคู่ไม่เคยได้รับหมายเรียกแต่อย่างใด.

สำหรับหมายจับครั้งนี้ ประชาไทคาดว่า สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ผู้ถูกจับกุมพร้อมผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอื่น ได้ติดตามรายงานข่าวเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2566 กรณี “บังเอิญ” (สงวนนามสกุล) ศิลปิน อายุ 25 ปี พ่นข้อความทำเป็นสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมายสัญลักษณ์บนกำแพงวัดพระแก้ว ด้านตรงข้ามสนามหลวง

ต่อมา ประชาไทรายงานว่า บรรณาธิการและผู้จัดการของสำนักข่าวรวมถึงทนายความ สามารถเจรจาเข้าพบนักข่าวประชาไทที่ถูกควบคุมตัวในห้องสอบสวนได้แล้ว  

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง จะย้ายตัวนักข่าวประชาไทไปขังที่ สน.ฉลองกรุง ย่านมีนบุรี ระหว่างรอส่งศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อขออำนาจศาลฝากขังระหว่างสอบสวนในวันนี้ (13 ก.พ.67)  

ซึ่งหลังการทำบันทึกจับกุม และสอบปากคำ นักข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ทนายความได้ขอประกันตัวทั้ง 2 คน พนักงานสอบสวนรับคำร้องขอประกันตัวไว้ ก่อนปรึกษากับผู้บังคับบัญชา

นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท เปิดเผยผ่านประชาไท กรณีนักข่าวประชาไทและช่างภาพอิสระถูกจับกุม เนื่องจากไปทำข่าวนักกิจกรรมพ่นสีกำแพงวัง ระบุว่า  มีการบันทึกการจับกุมที่ สน.แล้ว และสอบคำให้การนักข่าวประชาไทในชั้นพนักงานสอบสวน และคุมตัวไว้ที่ สน.ฉลองกรุง ซึ่งไกลมาก ขณะที่ผู้สื่อข่าวอิสระก็มาสอบปากคำทีหลัง คาดว่าจะถูกนำตัวไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งการแยกกันเป็นปัญหาทางด้านเทคนิค สำหรับวันนี้ (13 ก.พ. 67) เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปที่ศาลอาญาในตอนเช้า และทำประกันตัวในชั้นศาล

นายเทวฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับจุดยืนประชาไท ยืนยันว่าทั้ง 2 คน ถูกข้อหาสนับสนุนการทำลายโบราณสถาน ซึ่งเขามาทำข่าว การทำข่าวไม่ใช่การสนับสนุน หากบอกว่าการทำข่าวเป็นการสนับสนุน กลุ่มที่ไปทำร้าย หรือกระทำการใช้ความรุนแรง แสดงว่านักข่าวเป็นผู้สนับสนุนหรือ จุดยืนคือ เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เราแค่ต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

-------------

นายรังสิมันต์ โรม ได้ทวีตว่า 

[อย่าให้สังคมหวนคืนสู่ยุคสมัยแห่งความหวาดกลัว ; รัฐบาลต้องปกป้องเสรีภาพสื่อ]

การจับกุมสื่อที่ทำหน้าที่ของตนเองราวกับว่าทำความผิดร้ายแรง การยัดข้อหาแบบนี้ จะทำให้สังคมไทยกลับมาสู่ยุคของการควบคุมสื่อ ทำข่าวที่เห็นต่างจากรัฐไม่ได้

ถ้าสื่อทั้ง 2 คนยังถูกดำเนินคดีต่อ จะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเสรีภาพสื่อถูกตัดตอน นักข่าวที่ทำข่าวการเมือง จะต้องทำงานท่ามกลางความหวาดระแวง ว่าซักวันอาจจะโดนยัดข้อหาได้ทุกเมื่อ

บรรยากาศแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การทำร้ายผู้เห็นต่างอย่างที่ ศปปส. ทำกับตะวัน จนถึงการจับกุมสื่อครั้งนี้ ทำให้เราต้องหยุดบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว หยุดความรุนแรง หยุดนิติสงคราม และใช้กระบวนการสภาในการแก้ปัญหา

ผมจึงขอให้คิดกันดูอีกซักที ว่าสังคมเราได้อะไรจากการจับสื่อที่ทำหน้าที่ เราจะถอยหลังกลับไปเส้นทางนั้นจริงหรือ ผมจึงอยากให้ปล่อยตัวเหยื่อทั้งสองคนโดยเร็ว และเรียกร้องให้รัฐบาล ยืนหยัดเคียงข้างสื่อมวลชน ปกป้องเสรีภาพสื่อ ให้สามารถทำงานได้อย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง

#เสรีภาพสื่อกี่โมง

----------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/RPqWyZKjk1A